สธ.10 เม.ย.-อธิบดีกรมอนามัย เผยสิ่งที่ทำได้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ สรงน้ำพระในห้องพระ ขอพรผู้ใหญ่ได้แต่ต้องห่าง 1-2 เมตร แสดงความห่วงใยทางวาจา และส่งสิ่งของแทนใจกรณีอยู่ใกล้ สิ่งที่ห้ามทำรดน้ำดำหัวเพราะใกล้กันมากเกินไป ด้านรองอธิบดีกรมควบคุมโรค ย้ำ อย่านอนใจหลังยอดป่วยหลักสิบ ชี้อัตราครองเตียงในผู้ป่วยหนักมีเกินครึ่งกว่าจำนวนเตียงที่รองรับ ชี้อุทาหรณ์เตือนจากการระบาดทั้งในทองหล่อ และสนามมวย คือบทเรียนความประมาท โรคจะสงบได้ ต้องเจอผู้ป่วยรายสุดท้าย และไม่มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มใน 14 วัน
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)กล่าวถึงสถานการณ์โรคโควิด-19 ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ในส่วนของครอบครัวยังคงต้องมีระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตร เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ห่วงกลุ่มเสี่ยงคือผู้สูงอายุ การใกล้ชิดกันในช่วงนี้อาจยังทำไม่ได้ แต่สามารถแสดงความห่วงใยได้จากคำพูด เช่น คำอวยพร ถ้อยคำห่วงใย การรดน้ำขอพรช่วงนี้ยังคงต้องของดเว้นไปก่อน เพราะจะมีความใกล้ชิด แต่การขอพรยังทำได้ตามปกติ แต่ต้องมีระยะห่าง อย่างน้อย 1เมตร การสรงน้ำพระในห้องพระ ยังทำได้ตามปกติ
ส่วนคนไกลกัน เนื่องจากรัฐบาลออกมาตรการ และขอความร่วมมืองดการเดินทาง ช่วงนี้อาจใช้เทคโนโลยีช่วยคลายความคิดถึง โทรศัพท์สอบถาม พูดคุยกับผู้สูงอายุ หรือ อาจส่งขอแทนใจให้แทน แสดงความห่วงใย เดิมประเพณีไทยในอดีตไม่มีการรดน้ำ แต่มักมีการขอพรจากผู้ใหญ่ ซึ่งจุดนี้ยังทำได้ตามปกติ แต่ต้องมีระยะห่างไปก่อน และที่สำคัญทุกกิจกรรม อย่าลืมหมั่นล้างมือ
พญ.พรรณพิมล ยังกล่าวแสดงความห่วงใยสุขอนามัย กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่ยังให้นมบุตร รวมถึงเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 2 ปี โดยต้องมีการทำความสะอาดร่างกาย ให้สะอาด หมั่นล้างมือ สวมหน้ากากอนามัย เมื่อมีการให้นมบุตร เพียงแต่อย่าสัมผัสใกล้ชิดกับใบหน้าของเด็กและหมั่นทำความสะอาดเต้านม ในกลุ่มเด็กเล็ก อย่าพาออกจากนอกบ้าน เพราะเด็กอาจไม่ชินกับการสวมหน้ากากอนามัย การอยู่บ้านจึงจะปลอดภัยที่สุด สำหรับแม่และเด็ก ที่มีฝากคำถามสามารถติดตามเรื่องนี้ทางเฟสเฟซบุ๊ก “ก้าวย่างเพื่อสร้างลูก” ของกรมอนามัยได้ ทุกวันจันทร์
นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ยังไม่อยากให้ประชาชนดีใจตีปีก คลายความกังวล หรือหย่อนยานวินัย และมาตรการระยะห่างที่ทำอยู่ หลังจากสถานการณ์การป่วยโควิดของไทย พบผู้ป่วย ติดเชื้อเหลือหลักสิบ เนื่องจากโรคนี้ จะสบายใจว่าหมดได้ต่อเมื่อ ไม่มีผู้ป่วยรายใหม่เกิดขึ้น ในช่วงระยะเวลาการฟักตัวของโรค ประมาณ 14 วัน และขอจดจำการระบาดเป็นกลุ่มก้อนใน สถานบันเทิงย่านทองหล่อ หรือ สนามมวยให้ดี การประมาทเพียงครั้งเดียวจำนวนผู้ป่วยก็เพิ่มอีกได้ มากถึง 40-50 คน ฉะนั้นอย่าเพิ่งรีบใช้ชีวิตตามปกติ หลังจากวันนี้เห็นรถบนท้องถนนกลับมาเพิ่มจำนวนมากขึ้น
นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า หากให้มีการวิเคราะห์จำนวนผู้ป่วยหนักในขณะนี้ ก็พบว่า มีอัตราครองเตียงเพิ่มเกินครึ่งหนึ่งของจำนวนเตียงทั้งหมด ในห้องความดันลบและห้องไอซียู นี่ขนาดยังไม่ระบาดเต็มที่ ฉะนั้นไม่สามารถปล่อยให้โรคนี้ระบาดตามใจได้ เพราะจำนวนผู้ป่วยจะเพิ่มขึ้น ระบบสาธารณสุขจะรองรับไม่เพียงพอ ทั่วโลกจึงพยายามเสริมมาตรการสกัดโรค ทุกประเทศพยาบาลเหยียบเบรกโรคนี้ ไม่ให้แพร่ออกไป และหากมีการเปรียบเทียบโรคโควิด-19 กับ ไข้หวัดใหญ่ 2009 จะพบว่า แตกต่างกันมาก โควิดมีความรุนแรงกว่า การระบาดของไข้หวัด 2009 ทั่วโลกไม่ต้องปิดประเทศกัน ทุกคนยังใช้ชีวิตตามปกติ .-สำนักข่าวไทย