สสว.ชง 3 มาตรการช่วยผู้ประกอบการรายย่อย

กรุงเทพฯ 8 เม.ย. – สสว.เตรียมชง 3 มาตรการช่วยเหลือด่วน หารือกรมบัญชีกลางเปิดโควตาจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐให้กับเอสเอ็มอี กำหนดวงเงินจัดซื้อจากรายย่อย ตั้งศูนย์ให้ความช่วยเหลือ 77 จังหวัด จัดหาผู้เชี่ยวชาญ 2.7 พันคนลงพื้นที่ช่วยเอสเอ็มอี


นางสาววิมลกานต์ โกสุมาศ รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) อย่างรุนแรง ซึ่งจากผลสำรวจพบว่าจะมีเอสเอ็มอีที่ได้รับความเดือดร้อนกว่า 1.33 ล้านราย และกระทบกับแรงงานกว่า 4 ล้านคน ดังนั้น รัฐบาลจึงได้มอบหมายให้ สสว. สำรวจความคิดเห็นของเอสเอ็มอี ว่าต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือเรื่องใดบ้าง เพื่อให้มาตรการที่ออกมาตรงกับความต้องการของเอสเอ็มอีมากที่สุด โดยจากการหารือกับภาคเอกชน ได้แก่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และสภาเกษตรกรแห่งชาติ ผนวกกับผลการสำรวจความต้องการของผู้ประกอบการรายย่อยโดย สสว. 2,728 ราย ใน 6 ภูมิภาค 

จากผลสำรวจพบว่ามาตรการที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือมากที่สุด ซึ่งรัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมารองรับปัญหาเหล่านี้อย่างทันท่วงที ได้แก่ การลดภาระค่าใช้จ่ายค่าน้ำ การคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้า  การขยายระยะเวลาการยื่นแบบภาษีเงินได้ การลดค่าเช่าให้กับผู้ประกอบการในพื้นที่ความรับผิดชอบของรัฐและหน่วยงานท้องถิ่น และการอุดหนุนให้มีการจ้างงานต่อไป พร้อมกับการจัดให้มีสภาพคล่องในรูปของเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำที่มีเงื่อนไขปล่อยกู้ผ่อนปรนกว่าเดิม ประกอบด้วย 1. มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ย 2% ต่อปี วงเงิน 1.5 แสนล้าน 2. มาตรการชำระหนี้เงินต้นลดดอกเบี้ยของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) , ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) , ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) โดยมีบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เข้าไปสนับสนุน 3. การผ่อนปรนหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ที่เอื้อต่อการเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้น โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ 4. ให้ผู้ประกอบการนำรายจ่ายค่าจ้างลูกจ้างที่ทำประกันตนมาหักภาษีได้ 3 เท่า เพื่อสร้างเสถียรภาพการจ้างงานให้กับเอสเอ็มอี


ส่วนผู้ประกอบการรายย่อย (ไมโครเอสเอ็มอีที่มีรายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาท) ทั่วประเทศ โดยผู้ประกอบการกลุ่มนี้มองว่าสิ่งที่ต้องการอันดับหนึ่ง คือ อยากให้ภาครัฐเพิ่มมาตรการคัดกรอง สุ่มตรวจ รวมถึงแจกหน้ากากอนามัย อุปกรณ์ป้องกันโรคให้ถึงระดับชุมชน เพื่อให้ประชาชนในท้องถิ่นและภูมิภาคมีความมั่นใจในการออกไปจับจ่ายใช้สอยตามตลาดและย่านการค้า ส่วนอันดับ 2  คือ การส่งเสริมและการขยายตลาดเพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนออกมาซื้อสินค้าและบริการ เพื่อให้มีเม็ดเงินเข้ามาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น 

อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ยืดเยื้อ สสว.เตรียมออกมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีเพิ่มเติมอีก 3 ประการ ได้แก่ 1. สสว.กำลังดำเนินการร่วมกับกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงตลาดจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐได้มากยิ่งขึ้น โดยขณะนี้กำลังศึกษามาตรการต่าง ๆ ที่อาจนำมาใช้ได้ คือ การกำหนดโควตาจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐไว้ให้เอสเอ็มอีเป็นการเฉพาะ เช่นเดียวกับที่ปฏิบัติในประเทศสหรัฐ และเกาหลีใต้ , การให้แต้มต่อด้านราคาแก่เอสเอ็มอี , การกำหนดประเภทสินค้า เช่น อาหารและเครื่องดื่มให้เป็นวงเงินจัดซื้อจัดจ้างเอสเอ็มอี และการกำหนดวงเงินจัดซื้อจัดจ้างขนาดย่อย ( Micro Purchase) ให้เป็นการซื้อจากผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งมาตรการเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีตลาดภายในประเทศเพิ่มขึ้น 

สำหรับผู้ประกอบการรายย่อยหรือไมโครเอสเอ็มอีทั่วประเทศมีประมาณ 2.6 ล้านราย คิดเป็น 86% ของเอสเอ็มอีทั้งหมด ส่วนใหญ่พึ่งพาตลาดภายในประเทศ ดังนั้น ระหว่างเกิดวิกฤติโควิด-19 ภาครัฐและเอกชนควรหารือกันเพื่อแก้ไขกฎระเบียบให้เอสเอ็มอีรายย่อยสามารถเข้าถึงการจัดซื้อภาครัฐได้สะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยพยุงเศรษฐกิจทั้งระบบให้อยู่รอดผ่านช่วงวิกฤตในครั้งนี้ไปได้


2.สสว.ได้มอบหมายศูนย์ให้บริการเอสเอ็มอีครบวงจร (OSS) ทั่วประเทศ 77 จังหวัด ให้ทำการสำรวจและรับข้อร้องเรียนจากผู้ประกอบการ รวบรวมปัญหาและความต้องการช่วยเหลือที่เกิดขึ้น รวมถึงส่งต่อผู้ประกอบการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆ โดย สสว. ได้ศึกษาปัญหาและผลกระทบต่อเอสเอ็มอีจากโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในประเทศจีนเป็นตัวอย่าง ซึ่งรัฐบาลจีนมีมาตรการช่วยเหลือแต่เอสเอ็มอีเข้าไม่ถึงข่าวสาร ดังนั้น สสว.จึงเห็นว่าศูนย์บริการเอสเอ็มอีครบวงจรของสสว.จะทำหน้าเป็นตัวกลาง เชื่อมต่อเอสเอ็มอีที่ประสบปัญหากับหน่วยงานที่มีมาตรการช่วยเหลือโดยตรง ทั้งนี้ผู้ประกอบการที่ตัองการความช่วยเหลือสามารถติดต่อศูนย์ให้บริการเอสเอ็มอีครบวงจร (OSS) แต่ละจังหวัด หรือโทรสายด่วน 1301

3. สสว. ได้ดำเนินการโครงการ Train the Coach โดยรวบรวมและขึ้นทะเบียนผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ เพื่อเป็นที่ปรึกษาเชิงลึกหรือโค้ชให้กับผู้ประกอบการ โดยได้มีการพัฒนาโค้ชแยกตามกลุ่มต่างๆ ดังนี้ กลุ่ม Biz Mentor จำนวน 547 คน กลุ่ม Tech Expert จำนวน 2,133 คน และกลุ่ม Biz Transformer จำนวน 20 คน รวมจำนวนโค้ชที่ขึ้นทะเบียนไว้ในระบบทั้งสิ้น 2,700 คน หลังจากสำรวจและรวบรวมปัญหาและความต้องการของผู้ประกอบการในแต่ละพื้นที่แล้ว สสว. พิจารณาส่งที่ปรึกษาเหล่านี้ลงพื้นที่ให้คำปรึกษาแนะนำในการปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19ต่อไป

ส่วนโครงการพัฒนาผู้ประกอบการทั้งกลุ่มเริ่มต้นธุรกิจและผู้ประกอบการทั่วไปกว่า 30,000 ราย ในปีนี้ สสว. ได้ปรับเปลี่ยนวัตถุประสงค์ โดยจะมุ่งไปที่การลดต้นทุนของผู้ประกอบการ ซึ่งจะจัดหานวัตกรรมใหม่ๆประยุกต์ใช้เทคโนโลยี และการจัดทำมาตรฐานสินค้าและบริการ รวมทั้งเน้นการพัฒนาศักยภาพในการเชื่อมโยงธุรกิจ Offline to Online (O2O) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อความอยู่รอดของธุรกิจมากขึ้นในยุคที่การบริโภคหนีโควิด-19 ไปจับจ่ายสินค้าทางออนไลน์

ขณะที่การส่งเสริมด้านการตลาด จากการที่ผู้ประกอบการไม่สามารถไปออกตลาดในต่างประเทศได้ สสว.จึงได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบมามุ่งเน้นตลาดภายในประเทศมากขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการหาแนวทางความช่วยเหลือผู้ประกอบการจากภาวะการรักษาระยะห่างทางสังคม หรือ Social Distancing เช่นการเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมมาเสริม เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบเจ้าบ่าวลอบขนยาบ้ากว่า 5 ล้านเม็ด

ปราจีนบุรี 17 พ.ค. – ตำรวจสกัดจับพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ พร้อมของกลางยาบ้ากว่า 5 ล้านเม็ด อาวุธปืนขนาด 9 มม. 1 กระบอก กระสุนปืน 10 นัด รถกระบะ 1 คัน นาทีเจ้าหน้าที่สกัดจับนายธนธรรม หรือ เม่น เจ้าบ่าวซึ่งเพิ่งผ่านพิธีแต่งงานไปไม่นาน และเป็นหนึ่งในแก๊งค้ายาเสพติดรายใหญ่ โดยจับกุมได้บริเวณถนนบ้านหนองหอย อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พร้อมของกลางยาบ้ากว่า 5 ล้านเม็ด, อาวุธปืนขนาด 9 มม. 1 กระบอก, กระสุนปืน 10 นัด และรถกระบะ 1 คัน ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เผยขบวนการนี้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากริมแม่น้ำโขง จ.อำนาจเจริญ มาซุกซ่อนไว้ที่บ้านในปราจีนบุรี เพื่อเตรียมกระจายไปยังพื้นที่ปทุมธานี เจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวจนพบว่าจะมีการเดินทางไปยัง จ.อุบลราชธานี เพื่อรับยาเสพติด กระทั่งกลุ่มผู้ต้องหารู้ตัวว่าถูกสะกดรอย จึงเร่งความเร็วรถหลบหนี ก่อนพุ่งชนรถเจ้าหน้าที่ และถูกสกัดจับไว้ได้ ขณะที่รถยนต์ 2 […]

ไรเดอร์ชกเบ้าตาแตก ฉุนเมาปักหมุดมั่วแถมลวนลาม

พัทยา 17 พ.ค.- ไรเดอร์ฉุน ชกนักท่องเที่ยวชาวอินเดียจนเบ้าตาแตก พยานบอกผู้ก่อเหตุฉุนปักหมุดผิดทำขี่วนหลายรอบ แถมถูกลวนลามจึงทนไม่ไหว นักท่องเที่ยวชาวอินเดีย อายุประมาณ 35-40 ปี นอนบาดเจ็บ คิ้วซ้ายและเบ้าตาซ้ายแตกเลือดอาบหน้าอยู่ในอาการมึนเมา เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงประมาณตี 1 วันนี้ ในซอยเทพประสิทธิ์ 17 เมืองพัทยา ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ส่วนผู้ก่อเหตุหลบหนีไปก่อนเจ้าหน้าที่จะมาถึง แต่พลเมืองดีบันทึกภาพไว้ได้ จึงมอบให้ตำรวจเป็นหลักฐาน สอบถามพนักงานรักษาความปลอดภัยของคอนโดฯ แห่งหนึ่งใกล้จุดเกิดเหตุ ให้ข้อมูลว่าผู้ก่อเหตุเป็นไรเดอร์ส่งผู้โดยสาร และเล่าให้ตนฟังว่านักท่องเที่ยวคนนี้มึนเมาอย่างหนัก แถมปักหมุดสถานที่ส่งผิดที่ ผู้ก่อเหตุก็พยายามวนหาอยู่หลายครั้ง เท่านั้นยังไม่พอ ผู้บาดเจ็บได้ลวนลามผู้ก่อเหตุ จนผู้ก่อเหตุโมโหและจอดรถชกหน้าทันที ทั้งนี้ ผู้บาดเจ็บจะเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองพัทยา หลังรักษาอาการบาดเจ็บแล้ว .-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” นำค้นวัดไร่ขิง 3 จุด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด

นครปฐม 16 พ.ค.-“บิ๊กเต่า” นำกำลังตำรวจกองปราบบุกค้นวัดไร่ขิง 3 จุด หาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เอี่ยวคดียักยอกเงินวัด 300 ล้าน พร้อมนำหมายค้นบ้านประชาชน 1 จุด ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่วัด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด เวลา 07.00 น. พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ป.ป.ช. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ตรวจค้นภายในวัดไร่ขิงพระอารามหลวง มีทั้งหมด 3 จุด และบริเวณโดยรอบอีก 1 จุด ซึ่งจุดแรกในวัดไร่ขิงคือกุฏิของพระธรรมวชิรานุวัตร หรือเจ้าคุณแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงและเจ้าคณะภาค 14 โดยมีผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงเป็นผู้ที่นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในกุฎิ พร้อมสังเกตการณ์ ทันทีที่เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการถึงบริเวณหน้ากุฎิเจ้าอาวาส ได้ให้ตำรวจอ่านหมายค้น เพื่อเข้าตรวจสอบและยึดสิ่งของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการกระทำความผิด ทั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือและเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปใช้ประกอบหลักฐานการสอบสวนไต่สวนมูลฟ้องในการพิจารณาความผิด ขณะที่พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากการอ่านหมายค้น ว่า วันนี้เป็นการตรวจค้นเกี่ยวกับเส้นเงินที่ไหลไปตามบัญชีต่างๆ มีใครเกี่ยวข้องบ้าง ต้องมีการเรียกสอบรายบุคคลพร้อมกับการตรวจค้น โดยหลักๆ ส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับเส้นเงินที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ โดยมุ่งเน้นไปยังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ […]

2 ผู้ต้องหามอบตัว คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์ม

ตรัง 16 พ.ค. – หัวหน้าแก๊ง พร้อมลูกน้องอีก 1 คน ก่อเหตุเผานั่งยาง 3 ศพในสวนปาล์มน้ำมัน จ.ตรัง ติดต่อขอมอบตัว หวั่นถูกวิสามัญ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังไล่ล่า เช้านี้ ตำรวจ สภ.โคกนา เจ้าของพื้นที่คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์มน้ำมัน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ได้รับการประสานจากอดีตสมาชิกสภาจังหวัด ในพื้นที่อำเภอสิเกาว่า จะนำตัว 2 ผู้ต้องหาเข้ามอบตัว คือ นายศุภกรณ์ หรือบิน อายุ 37 ปี ชาวตำบลกะลาเส อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊ง และนายจรณชัย หรือแต้ม อายุ 32 ปี ชาวหมู่ 7 ตำบลน้ำผุด อำเภอเมือง จังหวัดตรัง เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสองคน กังวลเรื่องความปลอดภัย หากหลบหนีต่อไป เกรงถูกวิสามัญฆาตกรรม หลังเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน ระดมปิดล้อมบ้านเขาหลัก […]

ข่าวแนะนำ

พบศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลังทิ้งกลางไร่อ้อย

กาญจนบุรี 18 พ.ค. – พบแล้วศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลัง นำศพทิ้งกลางไร่อ้อย เมืองกาญจน์ หลังครอบครัวแจ้งช่วยตามหาตัวตั้งแต่คืนวันที่ 14 พ.ค. ตั้งปมสังหารเรื่องชู้สาว ความคืบหน้ากรณี “ดีเจเตเต้” ถูกขับรถตามประกบ ก่อนอุ้มขึ้นรถหายตัวไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.53 น. ของวันที่ 14 พ.ค. ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมถนนแสงชูโต ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งหลังเกิดเหตุพ่อของดีเจเตเต้ ได้ออกมาอัดคลิปลงเฟซ บุ๊กเพื่อขอความช่วยเหลือในการตามหาตัวลูกชายที่หายตัวไป ก่อนที่ล่าสุดจะพบว่า กลายเป็นศพอยู่กลางไร่อ้อยเชิงเขาบ้านทุ่งนานางหรอก โดยวันนี้เวลาประมาณ 10.30 น. นายธนพล เสือส่าน กำนันบ้านทุ่งนานางหรอก ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพอยู่บริเวณไร่อ้อย หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี คนที่ไปเจอ เป็นน้าชายของนายกอล์ฟคนในหมู่บ้าน ที่ออกไปหาของป่าแล้วไปเจอศพ ในสภาพนอนตะแคง ถูกมือถูกมัดไขว้หลัง แล้วมาบอกหลานชายคือนายกอล์ฟไปดูด้วยกัน แล้วนายกอล์ฟจึงแจ้งให้กำนันทราบ ทางกำนันก็แจ้งเรื่องต่อไปยังตำรวจ สภ.ลาดหญ้า ซึ่งเบื้องต้นศพสวมเสื้อผ้าตรงกับที่เป็นข่าว […]

Pope Leo XIV with the Fisherman's Ring

ผู้นำโลกร่วมพิธีมิสซาสถาปนาโป๊ปเลโอที่ 14

โป๊ปเลโอที่ 14 เข้าพิธีมิสซารับตำแหน่งพระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกอย่างเป็นทางการแล้วในเช้าวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีผู้นำจากทั่วโลกร่วมในพิธี

อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง นอนคุกคืนแรกเครียด ไม่กินมื้อเย็น

กรมราชทัณฑ์ 18 พ.ค. – อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง นอนคุกคืนแรกเครียด ไม่กินมื้อเย็น ส่วน “เปรมชัย” กักโรคอยู่แดนพยาบาลเรือนจำ ภายหลังวานนี้ (17 พ.ค.) พนักงานสอบสวนนำตัว 3 ผู้ต้องหา คดียักยอกเงินวัดไร่ขิง ได้แก่ นายแย้ม อินทร์กรุงเก่า หรือ อดีตพระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กิตฺตินฺธโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง นายเอกพจน์ ภูฆัง หรือ อดีตพระมหาเอกพจน์ ภูฆัง พระลูกวัดคนสนิทของอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง และ น.ส.อรัญญาวรรณ วังทะพันธ์ โบรกเกอร์เว็บพนันออนไลน์ ฝากขังศาลครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน และส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลาง นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ รองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้ออกหมายขังระหว่างสอบสวน ให้ขัง น.ส.อรัญญาวรรณ วังทะพันธ์ ที่ทัณฑสถานหญิงกลางโดยได้ดำเนินการรับตัวและนำตัวกักโรคโควิด-19 ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อในแดนระหว่างพิจารณาคดี เบื้องต้นตรวจสุขภาพร่างกายปกติ […]

ฝนตกหนักบนดอยสุเทพ น้ำหลากท่วมชุมชนเขตเทศบาลเชียงใหม่

เชียงใหม่ 18 พ.ค.-ฝนตกหนักบนดอยสุเทพ และในตัวเมืองเชียงใหม่ นานนับชั่วโมง ทำให้น้ำป่าไหลหลากลงมาตามลำห้วย และเอ่อล้นท่อระบายน้ำ ท่วมขังชุมชนศรีปิงเมือง ชุมชนกาดก้อม ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังกังวล กลัวจะเหมือนปีที่ผ่านมา ประชาชนได้รับผลกระทบเป็นบริเวณกว้าง ทำให้รถเล็ก ที่จะผ่านเส้นทางบริเวณดังกล่าว ผ่านลำบาก รถจักรยานยนต์ เครื่องยนต์ดับหลายคัน ระดับน้ำสูง 30 เซนติเมตร ขณะที่ชาวบ้านขอความร่วมมือผู้ที่ขับรถยนต์ผ่านเส้นทางเข้าในชุมชน ขอให้ชะลอความเร็ว เนื่องจากเกิดคลื่นน้ำ ทะลักเข้าไปในบ้าน ทรัพย์สินจะเสียหาย หากเป็นไปได้ ให้หลีกเลี่ยงเส้นทาง ไปใช้เส้นทางอื่นแทน ขณะนี้ระดับน้ำยังคงสูงขึ้น เนื่องจากฝนยังไม่หยุดตก ทำให้การสัญจรบางเส้นทางลำบาก นอกจากนั้นยังมีน้ำท่วมขังถนนอีกหลายสาย รอการระบาย ทำให้มีประชาชนติดค้างตามร้านค้าร้านอาหารข้างทางเพื่อหลบฝน ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาและเร่งระบายน้ำ หลังจากนั้นประมาณ 2-3 ชั่วโมง ระดับน้ำน่าจะลดลง ล่าสุดเช้าวันนี้ ระดับน้ำลดลงเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว บางจุดยังมีน้ำขังบนถนนเล็กน้อย ถนนตามชุมชนมีแต่ขยะและถุงขยะลอยมากับน้ำท่วม ทำให้รถขยะของเทศบาลนครเชียงใหม่ เร่งเก็บเศษขยะและถุงขยะ อย่างไรก็ตามประชาชนส่วนใหญ่ยังกังวลเกี่ยวกับเรื่องน้ำท่วม กลัวจะเหมือนปีที่ผ่านมา ขณะที่ผู้รับเหมาดูดตะกอนดินทรายในแม่น้ำปิง ได้นำเรือดูดทรายลำแรกจากจังหวัดอ่างทอง มาถึง ลงในน้ำปิง ตรงข้ามกับสำนักงานแขวงนครพิงค์ ย่านวังสิงห์คำ ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ […]