นนทบุรี 7 เม.ย. – พาณิชย์เผยเงินเฟ้อ มี.ค.ลดลงร้อยละ 0.54 จากความกังวลโควิด-19 คาดทั้งปีอาจติดลบร้อยละ 1
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า หรือ สนค. เปิดเผยถึงดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป หรืออัตราเงินเฟ้อ เดือนมีนาคม 2563 พบว่า อัตราเงินเฟ้อลดลงร้อยละ 0.54 หดตัวครั้งแรกในรอบ 33 เดือน และติดลบรุนแรงยิ่งกว่าช่วงน้ำท่วมปี 2554 โดยมีสาเหตุหลักมาจากการระบาดของโควิด-19 ระบาดทั่วประเทศและการลดลงของกลุ่มพลังงานที่ลดลงมากกว่าร้อยละ 11 ลงมาอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยผลกระทบดังกล่าวส่งผลให้หมวดอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ปรับตัวสูงขึ้นทุกกลุ่มสินค้า โดยเฉพาะอาหารสด อาหารสำเร็จรูปและเครื่องประกอบอาหาร เนื่องจากสถานการณ์ภัยแล้ง ขณะที่กลุ่มพลังงานมีการปรับตัวลดลง ขณะที่เงินเฟ้อเฉลี่ยในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ ขยายตัวร้อยละ 0.41 เป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลกและการลงทุนที่ชะลอตัวลง และมีความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบโดยตรงต่อพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน ขณะที่ผลกระทบทางอ้อมทำให้รายได้ของภาคธุรกิจ การท่องเที่ยว การขนส่ง ธุรกิจค้าส่งค้าปลีก รวมถึงการผลิตปรับตัวลดลง
ทั้งนี้ สนค.มองว่าจากผลกระทบที่เกิดขึ้น คาดว่าเงินเฟ้อปีนี้จะติดลบร้อยละ 0.2-1 จากเดิมร้อยละ 0.4-1.2 และหากเงินเฟ้อปีนี้ติดลบร้อยละ 1 จริงก็ถือว่าเป็นเงินเฟ้อต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ แม้ว่าจะเข้าสู่ภาวะเงินฝืด แต่ถือเป็นช่วงเงินฝืดแบบไม่ปกติ เพราะเกิดจากปัจจัยผลกระทบจากโรคระบาด และยังมีปัจจัยจีดีพีจะติดลบอยู่ที่ร้อยละ 5-6 ราคาน้ำมัน 35-45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อัตราแลกเปลี่ยน 30.50-32.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนชะลอตัวลง หลังจากมีความระมัดระวังการจับจ่ายหลังการระบาดของโควิด-19 แต่ขณะนี้ยังยืนยันได้ว่าสินค้าประเภทอาหารและน้ำดื่ม ภายในประเทศไม่ขาดแคลน โดยกระทรวงพาณิชย์เฝ้าติดตามดูแลปริมาณสินค้าให้เพียงพอ ราคาสินค้ามีความเหมาะสมและประชาชนสามารถเข้าถึงสินค้าทุกพื้นที่อย่างต่อเนื่อง แม้จะอยู่ในช่วงเคอร์ฟิวจำกัดเวลาก็ตาม ดังนั้น ประชาชนไม่จำเป็นต้องซื้อสินค้ากักตุน
ทั้งนี้ จากราคาน้ำมันลดลงในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์มองว่าภาคผู้ผลิตสินค้าอุปโภคและบริโภคควรหันไปพิจารณาว่าจะปรับลดสินค้าลงตามราคาน้ำมันได้หรือไม่ หรือจะใช้วิธีจัดทำของแถมไปกับควบคู่กับสินค้าก็ได้ ซึ่งอยากให้ผู้ประกอบการต่าง ๆ ช่วยพิจารณาลดค่าครองชีพให้กับประชาชนทั้งทางตรงและทางอ้อมด้วย .-สำนักข่าวไทย