สุพรรณบุรีติดโควิด-19 รายที่ 5 เป็นเด็ก 11 ขวบ

ภูมิภาค 5 เม.ย. – สุพรรณบุรีพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 1 ราย เป็นรายที่ 5 ของจังหวัด เป็นเด็กชายวัย 11 ปี ติดเชื้อจากคนในครอบครัวรายที่ 2 และ 4 ส่วนที่เกาะสมุย บุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อ 1 ราย ขณะที่ จ.ลำปาง ปิด 2 หมู่บ้านชาวเขา หลังจังหวัดมีผู้ติดเชื้อแล้ว 3 ราย


สาธารณสุขจังหวัดสุพรรณบุรียืนยันมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 1 ราย เป็นเด็กชายวัย 11 ปี ติดเชื้อจากคนในครอบครัว รายที่ 2 และรายที่ 4 หลังจากรายที่ 2 ไม่ได้กักกันตัวและเดินทางมาจาก จ.ภูเก็ต และกลับมาอยู่บ้านที่ อ.อู่ทอง 


นายนิมิต วันไชยธนวงศ์ ผู้ว่าฯ สุพรรณบุรี เปิดเผยว่า วันนี้ได้เดินทางลงพื้นที่ ต.จรเข้สามพัน อ.อู่ทอง หลังพบผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 4 ราย ในตำบลดังกล่าว และคนล่าสุดรายที่ 5 ซึ่งเป็นเด็ก 11 ขวบ ก็ติดเชื้อจากการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายเดิมคือรายที่ 2 และรายที่ 4 แต่ยังไม่มีการพบการติดเชื้อออกไปสู่กลุ่มคนภายนอก ด้านเจ้าหน้าที่จึงได้วางมาตรการเข้มหากพบว่าเกิดการแพร่กระจายระบาดมากขึ้น อาจต้องพิจารณาล็อกดาวน์หมู่บ้าน เพื่อควบคุมโรค ซึ่งสถานการณ์ตอนนี้ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ทุกส่วนตรวจเข้มการเข้าออกหมู่บ้าน และกลุ่มเสี่ยงให้กักกันตัว หากพบผู้ฝ่าฝืนรายใดไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำหรือคำสั่งของจังหวัดสุพรรณบุรี จะดำเนินคดี       

บุคลากรทางการแพทย์เกาะสมุทยติดโควิด-19 


ศูนย์ประสานงานเฝ้าระวังและป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในเทศบาลนครเกาะสมุย ตำบลอ่างทอง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายนพดล ขาวมะลิ ปลัดอาวุโสอำเภอเกาะสมุย พร้อมด้วย นพ.ธีรศักดิ์ เลื่องฤทธิ์วุฒิ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลเกาะสมุย นายอภิเดช พรหมคุ้ม สาธารณสุขอำเภอเกาะสมุย ร่วมแถลงข่าวพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอีก 1 ราย ซึ่งเป็นรายที่ 4 ของเกาะสมุย 

สำหรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มรายนี้ เป็นหญิงไทยอายุ 42 ปี เป็นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลอกชนแห่งหนึ่งในอำเภอเกาะสมุย ทำงานที่เดียวกับผู้ป่วยรายที่ 3 ผู้ป่วยติดเชื้อรายนี้ไม่มีประวัติเดินทางออกจากเกาะสมุย ได้พักอาศัยอยู่กับสามีและลูกรวม 4 คน โดยเมื่อวันที่ 24 มีนาคม ผู้ป่วยมีประวัติสัมผัสผู้ป่วยติดเชื้อรายที่ 13 ของ จ.สุราษฎร์ธานี ขณะทำการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปห้องแยกผู้ป่วยแรงดันลบ โดยใส่อุปกรณ์ป้องกันด้วยการสวมหน้ากากอนามัยที่ใช้ผ่าตัด และใส่ถุงมือยาง จากนั้นวันที่ 25-26 มีนาคม ได้ปฏิบัติงานตามปกติในโรงพยาบาล จนกระทั่งวันที่ 27 มีนาคม เริ่มมีอาการแสบคอ ปวดเบ้าตา แต่ยังปฏิบัติงานตามปกติในโรงพยาบาล โดยมีเพียงอาการเจ็บคอเล็กน้อยเท่านั้น 

วันที่ 29 มีนาคม ผู้ป่วยมีอาการเจ็บคอ คอแดง แพทย์ตรวจร่างกายวัดอุณหภูมิได้ 37.1 องศาเซลเซียส จึงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชน แพทย์จ่ายยาฆ่าเชื้อ และสั่งให้หยุดพักงาน 3 วัน โดยผู้ป่วยพักอยู่ในหอพักโรงพยาบาล 

จากนั้นวันที่ 30 มีนาคม เริ่มมีอาการไข้หนาวๆร้อนๆ จึงมาพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายอีกครั้ง วัดอุณหภูมิได้ 37.3 องศาเซลเซียส คอแดง แพทย์จ่ายยาและให้กลับไปพักผ่อน 

ต่อมาในวันที่ 1 เมษายน อาการไข้ไม่ดีขึ้น ไอมีเสมหะ เจ็บคอ มีน้ำมูก เพลีย ปวดเมื่อยตัว ปวดศีรษะ จึงไปพบแพทย์อีก วัดอุณหภูมิได้ 39.2 องคาเซลเซียส จึงส่งตรวจหาเชื้อโควิด-19 ผลตรวจออกมาเมื่อวันที่ 2 เมษายน ยืนยันติดเชื้อโควิด-19 

สงขลาปิดเมือง ห้ามเข้า-ออก ตั้งแต่ 6-30 เม.ย. 

นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าฯ สงขลา ลงนามในคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสงขลา ห้ามบุคคลใดเดินทางเข้า-ออกข้ามเขตพื้นที่จังหวัดสงขลา มีผลตั้งแต่วันที่ 6-30 เมษายน 2563 ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสกัดการการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยมีข้อยกเว้น ได้แก่ บุคคลได้รับการยกเว้นตามข้อ 1 ได้แก่ การขนส่งสินค้าจำเป็น การขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค การขนส่งสินค้าการเกษตร ปศุสัตว์ อาหารสัตว์ การขนส่งแก๊สหุงต้มน้ำมันเชื้อเพลิงการขนส่งอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ รถฉุกเฉินกู้ชีพกู้ภัยรถพยาบาลการ ขนส่งเงินของธนาคารและสถาบันการเงิน การขนส่งวัสดุก่อสร้างเครื่องจักรก่อสร้าง การขนส่งวัสดุและสิ่งพิมพ์ รวมถึงไปรษณีย์ บุคคลยกเว้น ตามข้อ 2 กรณีข้าราชการ ลูกจ้าง หรือพนักงานบริษัทหรือลูกจ้าง ให้ต้นสังกัดออกหนังสือรับรองการปฏิบัติงานพร้อมแสดงบัตรประจำตัวข้าราชการหรือบัตรประจำตัวพนักงานกรณี บุคคลทั่วไปขออนุญาตต่อนายอำเภอท้องที่ประจำจุดตรวจพนักงาน เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจ

ขณะนี้ที่ จ.สงขลา เตรียมพร้อมรับชาวไทยมุสลิมที่เดินทางเข้าร่วมงานรวมตัวทางศาสนา หรือดาวะห์ ในประเทศอินโดนีเซีย ที่มีกำหนดเดินทางกลับด้วยเที่ยวบินพิเศษ ถึงในวันที่ 6 เมษายน โดยสายการบิน Thai Lion Air มายังท่าอากาศยานหาดใหญ่ จำนวน 100 คน ซึ่งจะต้องผ่านกระบวนการคัดกรองทั้งหมดที่ท่าอากาศยานหาดใหญ่ ก่อนแยกย้ายไปยังภูมิลำเนา 

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลารายงานสถานการณ์โควิด-19 วันนี้มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 37 ราย รักษาหายกลับบ้านได้แล้ว 19 ราย รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 18 ราย มีผู้เข้าเรียนเฝ้าระวังสอบสวนโรคสะสม 414 ราย ส่งตรวจแล้วไม่พบเชื้อ 360 ราย รอผลการตรวจ 17 ราย 

ลำปางปิด 2 หมู่บ้าน หลังมีผู้ติดเชื้อ 3 ราย

เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง ร่วมกับเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลทุ่งผึ้ง อ.แจ้ห่ม เร่งออกประชาสัมพันธ์แนะนำชาวบ้าน บ้านใหม่สามัคคีหมู่ที่ 7 และบ้านแม่จอกฟ้าหมู่ที่ 8 ต.ทุ่งผึ้ง ให้ป้องกันตัวเอง เพื่อไม่ให้มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และเนื่องจากสองหมู่บ้านนี้ส่วนใหญ่เป็นประชาชนบนพื้นที่สูง หมู่บ้านใหม่สามัคคีเป็นชาวเขาเผ่าลาหู่ อาศัยอยู่ 137 ครัวเรือน และที่บ้านแม่จอกฟ้า เป็นชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง หรือปกาเกอะญอ อาศัยอยู่กว่า 80 ครัวเรือน และมีแนวตะเข็บติดต่อกับ อ.งาว คือบ้านดง ต.หลวงใต้ อ.งาว ซึ่งพบผู้ติดเชื้อแล้ว 3 ราย และได้ปิดหมู่บ้านไปเมื่อวานนี้ (4 เม.ย.)   

2 หมู่บ้านดังกล่าว อยู่ห่างไกลจากชุมชนและตัวอำเภอแจ้ห่ม กว่า 30 กิโลเมตร ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม เก็บหาของป่า และยังมีพ่อค้าแม่ค้าจากต่างถิ่นเข้าทำมาค้าขายกับคนในหมู่บ้านอย่างต่อเนื่อง เกรงว่าจะนำเชื้อโควิด-19 เข้ามาแพร่ระบาดให้ชาวเขา กรรมการตำบลทุ่งผึ้งและผู้นำหมู่บ้านจึงร่วมกันพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้ประชาชนใน 2 หมู่บ้านไม่ติดเชื้อ และป้องกันการแพร่ระบาด จึงได้ประกาศปิดหมู่บ้านทั้งสองหมู่บ้าน ห้ามบุคคลนอกเข้าพื้นที่ และให้ประชาชนอยู่แต่ในหมู่บ้าน ห้ามเดินทางออกนอกหมู่บ้านอย่างเด็ดขาด หากมีความจำเป็นต้องขออนุญาตจากผู้นำชุมชนเท่านั้น. – สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

EOD เร่งกู้ระเบิดตกค้าง-พิสูจน์กลิ่นศพทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 4 ส.ค. – ตลอดทั้งวัน ชุด EOD ตรวจสอบพื้นที่ตามแนวปะทะ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ พบวัตถุระเบิดและลูกกระสุนปืนใหญ่ตกค้างรวมกว่า 140 ลูก ใน 34 จุด ขณะที่กลิ่นศพทหารกัมพูชา ยังไม่ส่งผลกระทบฝั่งไทย แต่ชาวบ้านในพื้นที่ยืนยันมีกลิ่นจริง ตลอดทั้งวัน ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD ของตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21 และตำรวจภูธรพนมดงรัก รวมถึง ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ หรือ TMAC เข้าตรวจสอบพื้นที่ตามแนวปะทะใน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังสถานการณ์ปะทะสงบลง โดยพบวัตถุระเบิดและลูกกระสุนปืนใหญ่ตกค้างรวมกว่า 140 ลูก ใน 34 จุด หัวหน้าชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดให้ข้อมูลว่า ระเบิดส่วนใหญ่ทำงานไปแล้ว เหลือเพียง 7 จุดที่ยังคงอยู่ระหว่างการเก็บกู้ แต่มีบางจุดที่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าปฏิบัติงานได้ เนื่องจากอยู่ติดแนวชายแดน และอาจสร้างความเข้าใจผิดให้กับทหารทั้ง 2 ฝ่ายที่ยังคงตรึงกำลังอยู่ในพื้นที่ อีกทั้งสภาพพื้นที่เป็นโคลนตม ทำให้บางจุดลูกระเบิดฝังลึกมาก ทำให้การเก็บกู้ยากลำบาก จึงทำได้เพียงล้อมรั้วแสดงสัญลักษณ์ให้ทราบ เพื่อความปลอดภัยและไม่ให้ผู้คนเข้าใกล้ […]

มทภ.2 หวัง GBC ได้ข้อสรุปที่ดี ลั่นไม่ถอยกำลังทหาร

กองทัพบก 4 ส.ค. – แม่ทัพภาค 2 ลั่น ไม่ถอยกำลังทหาร หวังถก GBC ได้ข้อสรุปที่ดี แต่ยังคาดหวังอะไรไม่ได้หากสองประเทศยอมรับเงื่อนไขซึ่งกันและกันก็จบง่าย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปชายแดนไทย-กัมพูชา (GBC) ที่ประเทศมาเลเซีย ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าคุยเรื่องอะไรกัน แต่ก็คาดหวังว่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดี หาข้อตกลงร่วมกันให้ดีที่สุด ส่วนที่หลายฝ่ายมีความกังวลสถานการณ์ชายแดน หลังวันที่ 7 สิงหาคม จะมีความตึงเครียดนั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของผู้นำทั้งสองประเทศ จะเจอกันตรงจุดไหน หากยอมรับเงื่อนไขซึ่งกันและกัน ก็จบง่าย ซึ่งตอนนี้ยังคาดเดาอะไรไม่ได้ ว่าผลจะออกมาอย่างไร เมื่อถามว่า ประเด็นเรื่องการถอนกำลัง พล.ท.บุญสิน ยืนยันว่า “กองทัพไม่ถอย เพราะเรารุกในเขตพื้นที่อธิปไตยของเรา” สำหรับการดูแลชายแดนไทย-กัมพูชา กองทัพทั้งสองประเทศได้ปฏิบัติตามข้อตกลงการหยุดยิง ที่สองรัฐบาลได้พูดคุยกันไว้เพื่อความสงบสุขบริเวณชายแดน ซึ่งเราพยายามทำให้ดีที่สุด แต่ยอมรับว่า มีปัญหาเรื่องโดรนไม่ทราบฝ่าย ซึ่งกองทัพภาคที่ 2 ได้บูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วน เพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์ดีขึ้น รวมถึงการติดตามกลุ่มบุคคลที่ทำตัวเป็นสายลับ และไส้ศึก […]

สำนักโฆษก กห. พาย้อนเหตุการณ์ยุคเขมรแดงปี 1979-1980

4 ส.ค.- เตือนความจำเขมร! สำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม โพสต์ย้อนเหตุการณ์ไทยช่วยเขมร ยุคเขมรแดง ปี 1979-1980 เปิดประตูรับคนเขมรเป็นที่พึ่งสุดท้าย-เปิดค่ายพักพิงแบบไม่ลังเล วันนี้(4 ส.ค.2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจสำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม ได้เผยแพร่ข้อมูลการช่วยเหลือของฝ่ายไทยที่มีต่อชาวกัมพูชาในยุคเขมรแดง โดยข้อความระบุว่า จากคนที่หนีตายสู่คนที่หันปากกระบอกปืนกลับมา” เมื่อ ‘เขมร’ ลืมทุกอย่างที่ไทยเคยมอบให้ ปี 𝟏𝟗𝟕𝟗… ชาวกัมพูชานับแสน นับล้าน วิ่งหนีตายจากนรกบนดินที่ชื่อว่า “เขมรแดง” ข้ามพรมแดนมายังไทย ในสภาพหมดเรี่ยวแรง หิวโหย และเกือบสิ้นลมหายใจ คนไทยเปิดประตูให้เขาพักพิง ตอนนั้นประเทศไทยไม่ได้เป็นเพียง “เพื่อนบ้าน” แต่กลายเป็น “ที่พึ่งสุดท้าย” เราส่งอาหาร เราเปิดค่ายพักพิง เราช่วยเหลือทั้งในนามรัฐบาล องค์กรพัฒนาเอกชน และแม้แต่ชาวบ้านธรรมดา ๆ ที่ยอมแบ่งข้าวเพียงคำเดียวให้ผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชา การอพยพที่ไม่มีแผนที่เริ่มตั้งแต่ต้นปี 𝟏𝟗𝟕𝟗 จนถึงต้นยุค 𝟏𝟗𝟖𝟎𝐬 มีชาวกัมพูชาจำนวนมหาศาล บางแหล่งบอกว่ารวมกันถึง 𝟔 แสนถึง 𝟖 แสนคน อพยพอย่างไร้ทิศทางบางคนเดินเท้าเป็นร้อยกิโลเมตรจากกลางประเทศกัมพูชา หลายคนไร้เอกสาร ไม่มีอาหาร ไม่มีเป้าหมาย […]

กต. จัดบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศ

ก.ต่างประเทศ 4 ส.ค.-กต. จัดบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา คาดแจงข้อมูลที่บิดเบือน หลังกัมพูชาปล่อยเฟคนิวส์ต่อเนื่อง ด้าน “มาริษ” ย้ำไทยไม่ได้เริ่มก่อน ยึดแก้ปัญหาผ่านกลไกทวิภาคี เรียกร้องกัมพูชายึดหลักสันติวิธี-จริงใจ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ร่วมกับ นายปิยภักดิ์ ศรีเจริญ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก และ นางสาวพินทุ์สุดา ชัยนาม อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ ณ ห้องนราธิป กระทรวงการต่างประเทศ โดยคาดว่าจะเป็นการชี้แจงข้อเท็จจริงภายหลังจากที่ฝ่ายกัมพูชามีการให้ข้อมูลที่บิดเบือนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ก่อนการบรรยาย นายมาริษ กล่าวเปิดโดยขอบคุณผู้ที่เข้าร่วมรับฟังการบรรยายในวันนี้ พร้อมชี้แจงถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และท่าทีของไทยต่อกรณีดังกล่าว โดยตนตั้งใจจะแบ่งการบรรยายเป็น 2 ประเด็นหลัก คือ 1. การเจรจาหยุดยิงที่มาเลเซียเมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งไทยขอประท้วงต่อฝ่ายกัมพูชากรณีที่ละเมิดกฎหมายมนุษยชนและใช้ความรุนแรง โดยมีเป้าหมายแบบไม่เลือกเป้าและโจมตีไปที่พลเรือน รวมถึงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งขัดต่อหลักการของอนุสัญญาออตโตวา ในขณะที่ไทยปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด จึงหวังเป็นอย่างยิ่งให้กัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างจริงใจด้วยเช่นกัน ภายใต้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ส่วนประเด็นที่ 2 คือการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ระหว่างวันที่ 4-7 สิงหาคม […]