สธ.30มี.ค.-สธ.ย้ำสถานการณ์โควิด-19 หลังยอดป่วยพุ่ง1,524 คน ตัวเลขผู้ป่วยพบใน กทม.เพิ่มขึ้น จากคนกลับจากต่างประเทศ และสถานบันเทิง เตือนอย่าปกปิดข้อมูลไปสถานที่เสี่ยง ป่วยรีบพบแพทย์
นพ.อนุพงศ์ สุจริยากุล นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โรคโควิด-19 ว่า พบผู้ป่วยรายใหม่ 136 คน เสียชีวิตเพิ่ม 2 คน ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 1,524 คน ในจำนวนนี้มีผู้ป่วยอาการหนัก 23 คน และยอดเสียชีวิต 9คน ทั้งนี้ การพบว่ารายใหม่ที่เพิ่มขึ้น เป็นผู้ป่วยสนามมวย 2 คนจะเห็นได้ว่าค่อยๆ ลดลง และผู้ป่วยที่สนามบันเทิงเพิ่มขึ้น 10 คน เป็นสถานที่เดิมและใหม่ จากทั้งกทม.ที่ทองหล่อ สวนหลวง สุขุมวิท ในต่างจังหวัด สมุทรปราการและเชียงใหม่ และสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย รวม 59 คน นอกจากนี้ยังมีผู้ป่วยรายใหม่ 52 คน เป็นผู้ป่วยที่มีประวัติเดินทางมาจากต่างประเทศ 21 คน ทั้งสหรัฐ กาตาร์ อังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน และมี ต่างชาติ 4 คน
นพ.อนุพงศ์ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ยังพบผู้ป่วยในกลุ่มที่ทำงานติดต่อเกี่ยวข้องกับชาติ 15 คน มีบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อเพิ่ม 2 คน รวมติด 21 คน กลุ่มไปสถานที่แออัด ทั้งบ่อนชนไก่ คอนเสิร์ต 3 คน เกี่ยวข้องกับระบบสาธารณะ 4 คน ทั้งนี้ ภาพรวมสถิติผู้ป่วยพบกระจายไปใน 59 จังหวัด และในช่วง 2 วันที่ผ่านมาพบ ว่า ผู้ป่วยในพื้นที่ กทม. กลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง คาดว่าส่วนหนึ่งมาจากผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ
อย่างไรก็ตามขณะนี้ข้อมูลที่ผ่านมาพบผู้เข้าข่ายเสี่ยงไม่ยอมแสดงตัว แม้ป่วยบางส่วนไม่ยอมแจ้งประวัติเสี่ยงจริง จึงแนะนำประชาชนหากรู้ตัวเป็นเสี่ยงขอให้แสดงตัวที่สายด่วน 1422 ระหว่างกักตัวเองที่บ้าน 14 วัน หากอาการคล้ายหวัดทั่วไปไม่เป็นไรแต่หากเริ่มรู้สึกหายใจลำบากต้องรีบพบแพทย์ทันที
ส่วนผู้เสียชีวิต 2 คน นพ. อนุพงศ์ กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตรายที่ 8 เป็น ชายไทย อายุ 54 ปี มีประวัติเดินทางกลับมาจากประเทศมาเลเซีย รักษาตัวที่ รพ. ยะลา ส่วนรายที่ 9 เป็นหญิงอายุ 56 ปี มีภาวะปอดอักเสบ รักษาตัวที่ รพ.เอกชน ใน กทม.ทั้งนี้ทั้ง 2 คนไม่ใช่ผู้สูงอายุและไม่มีโรคประจำตัวก็อาจเป็นได้ที่การเสียชีวิต เกิดจากการไม่ได้มาพบแพทย์อย่างรวดเร็ว เพราะผู้ป่วยบางคนไม่ยอมบอกว่าตัวเองไปในสนามมวย หรือสถานบันเทิงมา ซึ่งจริงๆ แล้วการป่วยเป็นโรคโควิด-19 ไม่ใช่สิ่งที่น่ารังเกียจ ดังนั้น คนที่ไปสนามมวย หรือสถานที่เสี่ยงติดโรคอื่นๆ ถ้าไม่สบายให้รีบเข้ารับการตรวจที่สถานพยาบาลเพื่อรับการวินิจฉัยอย่างรวดเร็ว
นพ.ธงไชย เลิศวิไลรัตนพงศ์ ผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพที่ 1 กล่าวว่า คิดว่ามีอีก 2 ปัจจัยที่ทำให้ผู้ป่วยที่ไม่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง มีอาการรุนแรงและถึงขั้นเสียชีวิต คือ 1.จำนวนเชื้อที่เข้าไป ถ้าเข้าไปมากโอกาสแพร่กระจายลงไปในปอดก็จะเร็วขึ้น และ 2.แต่ละคนมีความไวต่อการที่เชื้อก่อให้เกิดโรคแตกต่างกัน บางคนเชื้อเข้าไปไม่มาก แต่โรคสามารถลุกลามลงไปในปอด และส่วนใหญ่ของการเสียชีวิตก็จะเป็นเชื้อลุกลามเข้าไปในปอด เพราะฉะนั้น กลุ่มเสี่ยงที่สำคัญคือผู้ที่มีโรคประจำตัวและสูงอายุ ซึ่งเป็นข้อมูลของทั่วโลก
ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่เขต 1 ขณะนี้ พบป่วยแทบทุกจังหวัด เหลือแค่ จ.น่าน และลำปาง ส่วนขณะนี้กำลังเร่งการเตรียมความพร้อมของเตียงรองรับผู้ป่วยโควิด-19 และจัดหาเครื่องช่วยหายใจเพิ่ม อีก 90 เครื่อง เพื่อรองรับสถานการณ์ พร้อมกระจายหน้ากากอนามัยแบบ N 95 และ ชุด PPE ให้เพียงพอกับเจ้าหน้าที่ คาดว่า จะเริ่มในวันพรุ่งนี้ และคาดว่าภายใน 2 สัปดาห์จะสามารถกระจายครบในจังหวัดภาคเหนือเขต 1.-สำนักข่าวไทย