พรรคเพื่อไทย 18 มี.ค.-“วรวัจน์” แนะรัฐเร่งคัดแยกกลุ่มเสี่ยงติดโรคโควิด-19 ใช้งบท้องถิ่น – ประกันสังคม ตรวจ-กักตัว ชี้ปิดสถานบันเทิงไม่ช่วย อาจกระทบรายได้รัฐจัดเก็บภาษี
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล อดีตรองประธานกรรมาธิการงบประมาณฯ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงมาตรการของรัฐบาลในการปิดสถานบริการ สถานบันเทิง 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 18 -31 มีนาคมนี้เพื่อป้องการแพร่ระบาดโรคไวรัสโควิด-19 ว่า การสั่งปิดสถานบริการ สถานบันเทิง ดูเหมือนจะเป็นมาตรการที่ได้ผล แต่ความจริงแล้วไม่ได้ผล และยังเริ่มส่งผลกระทบกับภาคเศรษฐกิจ
นายวรวัจน์ กล่าวด้วยว่า การที่ภาคเอกชนไม่มีรายได้ จะส่งผลกับงบประมาณของรัฐบาลในรูปของจัดเก็บรายได้ไม่เข้าเป้า ภาคเอกชนไม่มีผลกำไรที่จะจ่ายภาษี รายได้ของรัฐบาลอาจจะลดลงนับเป็นแสนล้านบาท ขณะที่กลุ่มเสี่ยงยังคงกระจายไปหลายพื้นที่ ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการ คือ การค้นหากลุ่มเสี่ยง คนที่กลับจากต่างประเทศ หรือคนที่อยู่ใกล้ชิดกับกลุ่มเสี่ยงต้องตรวจคัดกรอง และต้องดูแลกลุ่มเสี่ยงในช่วงที่ขาดรายได้เมื่อต้องหยุดกักตัว โดยเริ่มการค้นหาและตรวจรักษากลุ่มเสี่ยงทั้งหมดไม่ใช่แต่ผู้ป่วย ซึ่งในปัจจุบันมีจำนวนเป็นหลักไม่กี่หมื่นคน หากจ่ายค่ารักษาคนละ 50,000บาท จะใช้เงินเพียงไม่กี่พันล้านบาท ซึ่งอาจจะนำเงินกองทุนประกันสังคมกว่า 2 ล้านล้านบาท กองทุนบัตรทอง เข้ามาดูแลเรื่องการตรวจรักษา แต่หากรัฐบาลจะไม่ใช้จ่ายงบประมาณเองก็ต้องอนุญาตให้ท้องถิ่นสามารถค้นหาและจ่ายเงินรักษา ดูแลกลุ่มเสี่ยงให้อยู่ที่บ้าน ไม่ต้องเดินทางปะปนกับประชาชนทั่วไปและต้องดูแลช่วงกักตัวในระยะเวลาที่ขาดรายได้เป็นเวลา 14 วัน ส่วนการปิดประเทศ นั้น ส่วนตัวมองว่าไม่จำเป็น แต่สิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการคือการคัดแยกคนกลุ่มเสี่ยงให้เร็วที่สุด
นายวรวัจน์ กล่าวอีกว่า ขอให้รัฐบาลระมัดระวังในการพยุงหุ้นในขณะที่ยังมีแนวโน้มดิ่งลงต่ำ เพราะผลกระทบทางเศรษฐกิจยังไม่นิ่ง หากรัฐบาลนำเงินไปพยุงหุ้นในขณะที่ไม่เห็นความชัดเจน จะทำให้สูญเสียเม็ดเงินมากเกินกว่าที่จะประมาณการได้ และไม่มีประโยชน์ด้วย ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดที่รัฐบาลต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน คือ การค้นหาและตรวจรักษากลุ่มเสี่ยงพร้อมดูแลค่าใช้จ่ายให้อยู่ที่บ้านได้โดยไม่ต้องออกมาปะปนกับประชาชนด้านนอก เพราะกลุ่มเสี่ยงเพียง 1% กำลังทำให้การใช้ชีวิตประจำวันและเกิดผลกระทบกับประชาชนทั้ง 67,000,000 คน หากรัฐบาลไม่เร่งดำเนินการและปล่อยให้ผลกระทบทางเศรษฐกิจเกิดขึ้น จะทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้จากการที่เอกชนไม่สามารถจ่ายภาษีได้เป็นจำนวนเงินหลาย 100,000 ล้านบาท
นายวรวัจน์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้อยากให้รัฐลดการซื้ออาวุธลง เพราะขณะนี้สงครามไม่ได้อยู่บนภาคพื้นดิน แต่เป็นไวรัสที่มาทางอากาศและการเกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ทำให้คนไทยได้รับผลกระทบมากกว่า ขณะที่การดำเนินการช่วยเหลือสินค้าภาคเกษตรที่ได้รับผลกระทบ ก็เป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะจะทำให้เกิดการหมุนเวียนเงินในระดับรากหญ้า ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย