ทำเนียบฯ 13 มี.ค.- นายกรัฐมนตรี ออกสารสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ขอความร่วมมือ อย่าตื่นตระหนก รักสามัคคีเพื่อฟันฝ่าวิกฤตนี้ไปให้ได้ วอนสื่อวิจารณ์ครบทุกมุม ไม่ใช่ล้มเหลวทั้งหมด ยืนยัน รัฐบาลและทุกหน่วยงานทำงานเต็มที่
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกสารจากนายกรัฐมนตรี ต่อสถานการณ์การระบาดโรคโควิด-19 เนื้อความว่า จากสถานการณ์การระบาดของโรคไวรัสปอดอักเสบ หรือ โควิด-19 และสถานการณ์สาคัญ อื่น ๆ ที่มีผลกระทบต่อประเทศไทย เช่น ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ ปัญหาภัยแล้ง ปัญหาการว่างงาน ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ดังนั้นในห้วงเวลานี้เราจึงควรที่จะร่วมมือ รักสามัคคีกัน เพื่อฟันฝ่าอุปสรรคไป ให้ได้
เรื่องมาตรการรองรับการระบาดของโรคโควิด-19 เรามีหลายอย่างที่แตกต่างด้วยอัตลักษณ์ ความคิด ความอ่าน จำนวนประชากร รวมถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศ ซึ่งคงนำมา เปรียบเทียบกับต่างประเทศไม่ได้มากนักในการทำงานของรัฐบาล และส่วนราชการขณะนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลจำเป็นต้องนำข้อมูลจากต่างประเทศ แนวทางการปฏิบัติที่เป็นสากล และข้อมูลต่าง ๆ ในประเทศมาพิจารณาร่วมกัน มีองค์ประกอบหลายอย่างหลายมิติที่ต้องช่วยกันแก้ไข ทุ่มเท เสียสละ ทั้งองค์กรภาครัฐ ภาคประชาสังคม ภาคธุรกิจ ภาคประชาชน ภาคสื่อมวลชน สื่อสังคมออนไลน์ ต้องขอความกรุณาทุกส่วนช่วยกันหาทางออกให้ประเทศ ด้วยความเข้าใจใคร่ครวญ คิดวิเคราะห์ รับฟังและเชื่อมั่น เรื่องใดที่เป็นปัญหารัฐบาลก็กำลังดำเนินการแก้ไข
แต่หากยังคงมีการให้ข่าวบิดเบือน ให้ร้าย ป้ายสีกันโดยจับแต่ประเด็นย่อย ๆ ในขณะที่ทุกหน่วย ส่วนราชการกำลังทำงานใหญ่แก้ไขปัญหาให้ประชาชนอยู่ ถึงแม้อาจสร้างความลำบากให้กับภาครัฐในการปฏิบัติงานบ้าง แต่แน่นอนยังคงต้องขับเคลื่อนทุกกลไกให้เกิดการประสานสอดคล้องซึ่งกันและกัน รัฐบาลมีหน้าที่ในการกำหนดนโยบาย มาตรการลงไป โดยใช้ข้อมูลจากหลายแหล่ง ประกอบกับข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ที่เผชิญอยู่ ดังนั้น อยากจะขอร้องว่าถ้าอยากจะสื่อความหรือวิพากษ์วิจารณ์ ก็ขอให้เป็นเรื่อง ๆ อย่างครบถ้วนทุกมุม เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด ไม่ใช่เอาแต่มองว่าล้มเหลวไปเสียทั้งหมด หรือรัฐบาลไม่มี ความสามารถบ้าง
ทุกคนควรต้องพิจารณาไตร่ตรองดูว่าขณะนี้สถานการณ์เป็นอย่างไร เปรียบเทียบ ประเทศไทยกับประเทศอื่น ๆ ที่กำลังเผชิญปัญหาเดียวกัน ไม่ว่าจะการระบาดของโรคโควิด-19 ภัยแล้ง ปัญหาความยากจน และอื่น ๆ หลายประเทศมีการปกครองแตกต่างกัน มีอำนาจตามกฎหมายต่างกัน ประชาชนเชื่อฟัง เคารพกฎหมายต่างกัน หลายคนอาจมองว่าเรายังไม่เป็นประชาธิปไตย ขอให้ พิจารณาดูว่า วันนี้เรามีประชาธิปไตยเต็มที่แล้วหรือยัง สื่อโซเชียลออกข่าวโดยเสรีหรือไม่ มีใครไปห้าม หรือปิดกั้นหรือไม่ ถ้าไม่ผิดกฎหมาย หากเราใช้มาตรการทางสังคมเรียนรู้ คิดวิเคราะห์ เสนอหนทางปฏิบัติที่เหมาะสมที่รัฐบาลสามารถนามาใช้ได้ ก็จะเป็นประโยชน์
สำหรับเรื่องบริหารจัดการน้ำ เพื่อเตรียมแก้ไขปัญหาภัยแล้งที่อาจเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้ รัฐบาลและหน่วยงานต่าง ๆ ทำงานกันอย่างเต็มที่ ทั้งการเพิ่มปริมาณน้ำในพื้นที่เสี่ยง การขุดเจาะน้ำบาดาล การจูงน้ำ การเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน รวมถึงมาตรการเยียวยาต่าง ๆ อย่างไรก็ตามยังคงต้องทั้งกำกับดูแลทั้งน้ำต้นทุน แหล่งกักเก็บน้ำ เขื่อน อ่างเก็บน้ำ การเติมน้ำ การระบายน้ำ การขุดเจาะน้ำบาดาล ซึ่งได้ดำเนินการตามแผนบริหารจัดการน้ำมาแล้ว 5 ปี และจะสามารถเพิ่มการเก็บกักน้ำได้จำนวนมาก หากฝนตกตามพื้นที่ตามฤดูกาลที่คาดการณ์ไว้
ปัญหาสำคัญคือการดำเนินงานโครงการใหม่ ๆ ที่อาจต้องใช้เวลาบ้าง เนื่องจากจะต้องได้รับความยินยอมจาก ประชาชน และไม่กระทบสิ่งแวดล้อม ก็ต้องขอความร่วมมือกันต่อไป เรื่องเศรษฐกิจไทย ยังคงต้องพึ่งพาการส่งออก การท่องเที่ยว และการใช้จ่ายของประชาชน เป็นหลัก รายได้ของรัฐคงมาจากภาษีที่เก็บจากรายได้บุคคลธรรมดา นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษี สรรพสามิต รายได้จากรัฐวิสาหกิจ ฯลฯ
อย่างไรก็ตามเราจะต้องปรับตัว ปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับ อุปสงค์ อุปทาน การเกษตรก็ต้องสอดคล้องกับดิน สภาพอากาศ ความคุ้มทุน การค้าขายก็ต้อง ปรับเปลี่ยนไปตามเทคโนโลยีและวัฒนธรรมของผู้อุปโภคบริโภค หลายอย่างที่ต้องปรับตัว โดยเฉพาะ อย่างยิ่งในสภาวะเวลานี้ที่เศรษฐกิจโลกก็ตกต่ำ สงครามการค้า ประกอบกับผลกระทบจากการระบาด โรค COVID-19 อีกด้วย
รัฐบาลยืนยันจะดูแลพี่น้องประชาชนอย่างดีที่สุด การร่วมมือกันแก้ไขปัญหาต่างๆ ในห้วงนี้คงต้องดำเนินการในทุกเรื่องควบคู่กันไป อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนทุกคนให้ความร่วมมือในการทำงานของรัฐบาลและส่วนราชการ เรื่องการระบาด ของโรคโควิด-19 อย่าได้ตื่นตระหนก มีสติ ระมัดระวัง รับผิดชอบ รักษาสุขภาพตนเอง ผู้อื่น และ สังคม รัฐบาลขอให้ความเชื่อมั่นว่าเราทุกคนจะฝ่าฟันวิกฤติต่างๆ ไปได้ด้วยดี ขอขอบคุณในความร่วมมือ.-สำนักข่าวไทย