ยกเลิกฟรีวีซ่า และ Visa on Arrival  มีผล13 มี.ค.-30 ก.ย.

ทำเนียบฯ 12 มี.ค.- “พล.อ.อนุพงษ์” แจงยกเลิกฟรีวีซ่า และ Visa on Arrival ( voa) ใน 18 ประเทศ มีผลพรุ่งนี้ (13 มี.ค.) ถึง 30 ก.ย. ยันไม่ได้ห้ามเข้าประเทศ แต่ป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19  ยังไม่ปิดศูนย์กักตัวทั่วประเทศ ปรับวิธีควบคุมที่บ้าน มั่นใจมีประสิทธิภาพ  ขณะที่รัฐมนตรี ดีอีเอส เปิดตัวติดตามผู้ที่กลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง 


นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ กล่าวถึงการเตรียมแถลงข่าวของศูนย์ข้อมูลมาตราการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อโควิด-19 กล่าวว่า  รัฐบาลอยากให้เกิดความมั่นใจกับประชาชนในการดูแลป้องกันของคนที่เดินทางกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ซึ่งบุคคลเหล่านั้นจะต้องขอวีซ่าและมีใบรับรองแพทย์ จึงจะเข้าประเทศไทยได้ ส่วนประเทศที่เหลือที่ไม่ได้เป็นประเทศกลุ่มเสี่ยง ก็จะมีมาตรการคัดกรองตามขั้นตอน ซึ่งมั่นใจในมาตรฐานได้ หากพบว่าป่วยจะถูกแยกตัวไปตรวจที่โรงพยาบาล 

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับผู้ที่อยู่ในช่วงเฝ้าระวัง  14 วัน จะต้องให้กำลังใจและให้ความรักคนที่ทุกกักตัว ให้ผ่านไปได้ด้วยเช่นกัน อยากให้ผู้ที่อยู่ระหว่างเฝ้าอาการหรือถูกกักกันโรค ให้มีความรับผิดชอบ ไม่ออกไปนอกพื้นที่กักตัว อยากให้คิดว่าไม่ใช่คนป่วย แต่เป็นคนที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมสูงมาก หากปกปิดข้อมูลจะมีความผิดตามกฎหมายพ.ร.บ.ควบคุมโรค


พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ไม่มีการปิดศูนย์ดูแลสุขภาพผู้มีความเสี่ยง หรือศูนย์กักตัวทั่วประเทศ เป็นเพียงการเปลี่ยนวิธีการควบคุมตัว ให้ผู้ที่สังเกตอาการไปอยู่ที่ภูมิลำเนา  เมื่อวานนี้ตนสื่อสารผิดพลาด และขณะนี้ผู้ที่อยู่ในศูนย์กักตัว ก็ได้ทยอยนำส่งกลับภูมิลำเนาแล้ว และศูนย์กักตัวยังคงมีไว้เตรียมพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ในอนาคต ในแต่ละพื้นที่มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขท้องถิ่น รวมถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เข้าไปดูแล รวมถึงใช้วิธีการให้ชุมชุนดูแลกันเอง และเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ ตามแนวทางของกระทรวงสาธารสุข ขอให้มั่นใจว่าการกักตัวอยู่ที่บ้าน เป็นวิธีที่ดีที่สุดและมีประสิทธิภาพ 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังกล่าวถึงการยกเลิกฟรีวีซ่า ใน 3 ประเทศ คือเกาหลีใต้ ฮ่องกง และ อิตาลี และยกเลิกการตรวจลงตราหรือ Visa on Arrival  หรือ voa ใน 18 ประเทศ  เพื่อเป็นมาตรการลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ไม่ได้ยกเลิกให้เดินทางเข้าประเทศไทย  เพียงแต่เข้าสู่การขอวีซ่าตามขั้นตอน ต้องไปขอ วีซ่าที่สถานทูตไทยก่อน  โดยกระทรวงการต่างประเทศได้มีการประสานให้ผู้ที่จะเดินทางมาไทย อยู่ในประเทศต้นทางก่อน 14 วัน เหมือนกับกรณีผู้ที่เดินทางมาจาก 4 ประเทศกลุ่มเสี่ยง การยกเลิกฟรีวีซ่า และ voa จะมีผลตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม – 30 กันยายน 2563 ลงนามคำสั่งของนายกรัฐมนตรีร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อาศัยอำนาจตามพ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่ออันตราย

ด้านนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า กระทรวงได้ร่วมกับน้อง ๆ กลุ่มคนรุ่นใหม่ รวมถึงดิจิทัลสตาร์ทอัพ สัญชาติไทย ภายใต้ชื่อว่า ThaiFightCOVID โดยจัดทำแอฟพลิเคชั่น “AOT Airports” มาใช้ สำหรับเก็บข้อมูลบุคคลทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ หรือนักท่องเที่ยว ที่เดินทางเข้าสู่ราชอาณาจักรไทย ที่จะถูกติดตาม โดยใช้มือถือในการเข้าไปโหลดแอฟพลิเคชั่นดังกล่าว ถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่น และความมั่นใจให้กับภาคประชาชน เพื่อรับมือสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อ โควิด-19


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ  กล่าวว่า ผู้โดยสารที่เป็นลูกค้าของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ หลังจากที่ผ่านจุดคัดกรอง จะมีบาร์โค๊ดให้ใช้โทรศัพท์มือถือสแกนเพื่อโหลด เมื่อโหลดเสร็จ ให้ถ่ายบอร์ดดิ้งพาส ให้กรอกข้อมูลส่วนตัว และบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต ใช้เวลาประมาณ 2 นาที เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจะเป็นผู้ตรวจสอบว่ามีการโหลดแอฟพลิเคชั่นนี้มาแล้วหรือไม่ และได้กรอกข้อมูลส่วนตัวครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่ เมื่อนั้นถึงจะอนุญาตให้เข้าประเทศ ส่วนผู้ที่ไม่มีซิมการ์ด สามารถซื้อซิมการ์ดจากผู้ให้บริการที่วางจำหน่าย ณ จุดวัดอุณหภูมิ ในราคา 49 บาท ใช้ซิมได้ 14 วัน ซื้อได้ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ

นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ข้อมูลทั้งหมดจะถูกรวบรวมไว้ที่กรมควบคุมโรค  เพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ โควิด -19 และหากพบว่ามีการติดเชื้อภายหลังผ่านเข้าประเทศแล้ว  กรมควบคุมโรคจะแจ้งให้ กสทช. และผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รับทราบ ก่อนติดตามพิกัดของผู้ป่วยและผู้ที่เดินทางร่วมกันได้ทันท่วงที อย่างไรก็ตามข้อมูลดังกล่าวจะถูกเก็บไว้ 14 วันเท่านั้น จากนั้นข้อมูลจะถูกลบไป ตามพ.ร.บ.คุ้มครองส่วนบุคคลและสากล 

“แอพพลิเคชั่น ดังกล่าวจัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระบุตัวตนอย่างเรียลไทม์ ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยจะมีเจ้าหน้าที่ติดตาม คัดกรอง และจำกัดพื้นที่ เป็นการสร้างสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง หากพบว่าไม่มีการเคลื่อนไหวนานจนผิดปกติจะส่งเจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรค ,มหาดไทย และตำรวจ จะลงไปตรวจสอบในทันที”นายพุทธิพงษ์ กล่าว‹

นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ระบบแอพพลิเคชั่นดังกล่าวจะมีการป้องกัน Fake GPS มีการล็อคระบบไม่สามารถเคลื่อนย้าย GPS ได้ตามใจชอบ เหมือนการแชร์โลเคชั่นในแอพพลิเคชั่นไลน์  หากปิดบังข้อมูลจะมีความผิด รวมถึงหากเปลี่ยนพิกัดติดตามตัวก็จะมีความผิดตามกฎหมายเช่นกัน รวมถึงหากพบการละเลย เพิกเฉย ความรับผิดชอบต่อสังคม ในกรณีต่าง ๆ ก็จะมีโทษตามพ.ร.บ.ควบคุมโรค ขอความร่วมมือจากกลุ่มเสี่ยงลดผลกระทบ ร่วมมือก้าวผ่านวิกฤติไปด้วยกัน อย่างไรก็ตามแอฟพลิเคชั่นอาจไม่ได้ตอบโจทย์ทุกอย่าง แต่มีหน้าที่ช่วยสนับสนุนหน่วยงานต่าง ๆ  เมื่อเช้าได้ไปดูมาแล้วที่สนามบิน พบว่ามีคนโหลดแอฟพลิเคชั่นนี้แล้ว และได้กรอกข้อมูล โดยใช้เวลาประมาณ 2 นาที

นายพุทธิพงษ์ กล่าวถึงกรณีผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ต้องกลับไปกักตัวที่บ้าน หรือภูมิลำเนา ว่า ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จะมีคิวอาร์โค้ดศูนย์กลาง และคิวอาร์โค้ดสำหรับ 50 เขต และ 76 จังหวัดทั่วประเทศให้ดาวน์โหลด โดยทุกคนต้องดาวน์โหลด เพื่อให้ติดตามตัวจากการแสดงตัวตนที่อยู่ตามภูมิลำเนา ของตัวเองก่อนออกจากศูนย์กักกัน เพื่อคอยตรวจสอบพฤติกรรมประจำวันว่ากักกันตัวเองตามระยะเวลาที่กำหนดหรือไม่ โดยแอพพลิเคชันนี้จะทำงานควบคู่กับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดที่จะคอยดูแลอย่างใกล้ชิดและหากผู้ใดฝ่าฝืนจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มุกใหม่มิจฉาชีพ

มุกใหม่มิจฉาชีพ! ป่วนโทรแจ้ง ตร. เกิดเหตุร้ายที่บ้านเหยื่อ

อินฟลูฯ สาว สายทำอาหาร ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจโทรหา แต่เธอไม่เชื่อ โดนท้าอีก 10 นาทีเจอกัน ปรากฏว่า มีตำรวจจาก 2 โรงพักบุกมาที่บ้านจริง

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา บอกสนามใหญ่ ไม่เข้าไปก้าวก่ายสนามท้องถิ่น ซ้ายก็เพื่อน ขวาก็พวก

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท

ข่าวแนะนำ

ข่าวแห่งปี 2567 : รวมฉ้อโกง “ดารา-คนดัง” ไม่รอด

ตลอดปี 2567 ยังมีผู้คนตกเป็นเหยื่อของกลโกง มิจฉาชีพ ที่มาในรูปแบบต่างๆ รวมถึงการลงทุนรูปแบบใหม่ๆ บางคนถึงขั้นสิ้นเนื้อประดาตัว และที่น่าตกใจเริ่มมีคนดังเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีมากขึ้น

หมอชิต 2 คึกคัก ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาฉลองปีใหม่

บรรยากาศการเดินทางหมอชิต 2 คึกคัก ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวในช่วงหยุดยาวปีใหม่ ด้าน รฟท. คาดผู้โดยสารเดินทางขาออกวันนี้ 1 แสนคน

รถเริ่มแน่น! สายเหนือ-อีสาน การจราจรชะลอตัว

ประชาชนทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนา หยุดยาวปีใหม่ ถ.พหลโยธิน มุ่งหน้าสายอีสาน รถแน่น ส่วนถนนสายเอเชีย ขึ้นเหนือ รถเคลื่อนตัวได้ช้า