ยกเลิกฟรีวีซ่า และ Visa on Arrival  มีผล13 มี.ค.-30 ก.ย.

ทำเนียบฯ 12 มี.ค.- “พล.อ.อนุพงษ์” แจงยกเลิกฟรีวีซ่า และ Visa on Arrival ( voa) ใน 18 ประเทศ มีผลพรุ่งนี้ (13 มี.ค.) ถึง 30 ก.ย. ยันไม่ได้ห้ามเข้าประเทศ แต่ป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19  ยังไม่ปิดศูนย์กักตัวทั่วประเทศ ปรับวิธีควบคุมที่บ้าน มั่นใจมีประสิทธิภาพ  ขณะที่รัฐมนตรี ดีอีเอส เปิดตัวติดตามผู้ที่กลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง 


นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ กล่าวถึงการเตรียมแถลงข่าวของศูนย์ข้อมูลมาตราการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อโควิด-19 กล่าวว่า  รัฐบาลอยากให้เกิดความมั่นใจกับประชาชนในการดูแลป้องกันของคนที่เดินทางกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ซึ่งบุคคลเหล่านั้นจะต้องขอวีซ่าและมีใบรับรองแพทย์ จึงจะเข้าประเทศไทยได้ ส่วนประเทศที่เหลือที่ไม่ได้เป็นประเทศกลุ่มเสี่ยง ก็จะมีมาตรการคัดกรองตามขั้นตอน ซึ่งมั่นใจในมาตรฐานได้ หากพบว่าป่วยจะถูกแยกตัวไปตรวจที่โรงพยาบาล 

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับผู้ที่อยู่ในช่วงเฝ้าระวัง  14 วัน จะต้องให้กำลังใจและให้ความรักคนที่ทุกกักตัว ให้ผ่านไปได้ด้วยเช่นกัน อยากให้ผู้ที่อยู่ระหว่างเฝ้าอาการหรือถูกกักกันโรค ให้มีความรับผิดชอบ ไม่ออกไปนอกพื้นที่กักตัว อยากให้คิดว่าไม่ใช่คนป่วย แต่เป็นคนที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมสูงมาก หากปกปิดข้อมูลจะมีความผิดตามกฎหมายพ.ร.บ.ควบคุมโรค


พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ไม่มีการปิดศูนย์ดูแลสุขภาพผู้มีความเสี่ยง หรือศูนย์กักตัวทั่วประเทศ เป็นเพียงการเปลี่ยนวิธีการควบคุมตัว ให้ผู้ที่สังเกตอาการไปอยู่ที่ภูมิลำเนา  เมื่อวานนี้ตนสื่อสารผิดพลาด และขณะนี้ผู้ที่อยู่ในศูนย์กักตัว ก็ได้ทยอยนำส่งกลับภูมิลำเนาแล้ว และศูนย์กักตัวยังคงมีไว้เตรียมพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ในอนาคต ในแต่ละพื้นที่มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขท้องถิ่น รวมถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เข้าไปดูแล รวมถึงใช้วิธีการให้ชุมชุนดูแลกันเอง และเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ ตามแนวทางของกระทรวงสาธารสุข ขอให้มั่นใจว่าการกักตัวอยู่ที่บ้าน เป็นวิธีที่ดีที่สุดและมีประสิทธิภาพ 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังกล่าวถึงการยกเลิกฟรีวีซ่า ใน 3 ประเทศ คือเกาหลีใต้ ฮ่องกง และ อิตาลี และยกเลิกการตรวจลงตราหรือ Visa on Arrival  หรือ voa ใน 18 ประเทศ  เพื่อเป็นมาตรการลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ไม่ได้ยกเลิกให้เดินทางเข้าประเทศไทย  เพียงแต่เข้าสู่การขอวีซ่าตามขั้นตอน ต้องไปขอ วีซ่าที่สถานทูตไทยก่อน  โดยกระทรวงการต่างประเทศได้มีการประสานให้ผู้ที่จะเดินทางมาไทย อยู่ในประเทศต้นทางก่อน 14 วัน เหมือนกับกรณีผู้ที่เดินทางมาจาก 4 ประเทศกลุ่มเสี่ยง การยกเลิกฟรีวีซ่า และ voa จะมีผลตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม – 30 กันยายน 2563 ลงนามคำสั่งของนายกรัฐมนตรีร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อาศัยอำนาจตามพ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่ออันตราย

ด้านนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า กระทรวงได้ร่วมกับน้อง ๆ กลุ่มคนรุ่นใหม่ รวมถึงดิจิทัลสตาร์ทอัพ สัญชาติไทย ภายใต้ชื่อว่า ThaiFightCOVID โดยจัดทำแอฟพลิเคชั่น “AOT Airports” มาใช้ สำหรับเก็บข้อมูลบุคคลทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ หรือนักท่องเที่ยว ที่เดินทางเข้าสู่ราชอาณาจักรไทย ที่จะถูกติดตาม โดยใช้มือถือในการเข้าไปโหลดแอฟพลิเคชั่นดังกล่าว ถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่น และความมั่นใจให้กับภาคประชาชน เพื่อรับมือสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อ โควิด-19


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ  กล่าวว่า ผู้โดยสารที่เป็นลูกค้าของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ หลังจากที่ผ่านจุดคัดกรอง จะมีบาร์โค๊ดให้ใช้โทรศัพท์มือถือสแกนเพื่อโหลด เมื่อโหลดเสร็จ ให้ถ่ายบอร์ดดิ้งพาส ให้กรอกข้อมูลส่วนตัว และบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต ใช้เวลาประมาณ 2 นาที เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจะเป็นผู้ตรวจสอบว่ามีการโหลดแอฟพลิเคชั่นนี้มาแล้วหรือไม่ และได้กรอกข้อมูลส่วนตัวครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่ เมื่อนั้นถึงจะอนุญาตให้เข้าประเทศ ส่วนผู้ที่ไม่มีซิมการ์ด สามารถซื้อซิมการ์ดจากผู้ให้บริการที่วางจำหน่าย ณ จุดวัดอุณหภูมิ ในราคา 49 บาท ใช้ซิมได้ 14 วัน ซื้อได้ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ

นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ข้อมูลทั้งหมดจะถูกรวบรวมไว้ที่กรมควบคุมโรค  เพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ โควิด -19 และหากพบว่ามีการติดเชื้อภายหลังผ่านเข้าประเทศแล้ว  กรมควบคุมโรคจะแจ้งให้ กสทช. และผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รับทราบ ก่อนติดตามพิกัดของผู้ป่วยและผู้ที่เดินทางร่วมกันได้ทันท่วงที อย่างไรก็ตามข้อมูลดังกล่าวจะถูกเก็บไว้ 14 วันเท่านั้น จากนั้นข้อมูลจะถูกลบไป ตามพ.ร.บ.คุ้มครองส่วนบุคคลและสากล 

“แอพพลิเคชั่น ดังกล่าวจัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระบุตัวตนอย่างเรียลไทม์ ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยจะมีเจ้าหน้าที่ติดตาม คัดกรอง และจำกัดพื้นที่ เป็นการสร้างสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง หากพบว่าไม่มีการเคลื่อนไหวนานจนผิดปกติจะส่งเจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรค ,มหาดไทย และตำรวจ จะลงไปตรวจสอบในทันที”นายพุทธิพงษ์ กล่าว‹

นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ระบบแอพพลิเคชั่นดังกล่าวจะมีการป้องกัน Fake GPS มีการล็อคระบบไม่สามารถเคลื่อนย้าย GPS ได้ตามใจชอบ เหมือนการแชร์โลเคชั่นในแอพพลิเคชั่นไลน์  หากปิดบังข้อมูลจะมีความผิด รวมถึงหากเปลี่ยนพิกัดติดตามตัวก็จะมีความผิดตามกฎหมายเช่นกัน รวมถึงหากพบการละเลย เพิกเฉย ความรับผิดชอบต่อสังคม ในกรณีต่าง ๆ ก็จะมีโทษตามพ.ร.บ.ควบคุมโรค ขอความร่วมมือจากกลุ่มเสี่ยงลดผลกระทบ ร่วมมือก้าวผ่านวิกฤติไปด้วยกัน อย่างไรก็ตามแอฟพลิเคชั่นอาจไม่ได้ตอบโจทย์ทุกอย่าง แต่มีหน้าที่ช่วยสนับสนุนหน่วยงานต่าง ๆ  เมื่อเช้าได้ไปดูมาแล้วที่สนามบิน พบว่ามีคนโหลดแอฟพลิเคชั่นนี้แล้ว และได้กรอกข้อมูล โดยใช้เวลาประมาณ 2 นาที

นายพุทธิพงษ์ กล่าวถึงกรณีผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ต้องกลับไปกักตัวที่บ้าน หรือภูมิลำเนา ว่า ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จะมีคิวอาร์โค้ดศูนย์กลาง และคิวอาร์โค้ดสำหรับ 50 เขต และ 76 จังหวัดทั่วประเทศให้ดาวน์โหลด โดยทุกคนต้องดาวน์โหลด เพื่อให้ติดตามตัวจากการแสดงตัวตนที่อยู่ตามภูมิลำเนา ของตัวเองก่อนออกจากศูนย์กักกัน เพื่อคอยตรวจสอบพฤติกรรมประจำวันว่ากักกันตัวเองตามระยะเวลาที่กำหนดหรือไม่ โดยแอพพลิเคชันนี้จะทำงานควบคู่กับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดที่จะคอยดูแลอย่างใกล้ชิดและหากผู้ใดฝ่าฝืนจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สิ้นพระเอกดัง “ไพโรจน์ สังวริบุตร” จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี

3 มิ.ย.- วงการบันเทิงเศร้า… สิ้นพระเอกดัง “เอ๋” ไพโรจน์ สังวริบุตร นักแสดง-ผู้กำกับในตำนาน จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี แฟนคลับร่วมแสดงความอาลัย ข่าวเศร้าช็อกวงการบันเทิง เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.00 น. (3 มิ.ย.68) ที่จังหวัดนครราชสีมา สิริอายุได้ 72 ปี กำหนดสวดพระอภิธรรม ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สำหรับพิธีรดน้ำศพ จะมีขึ้นในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 โดยข้อมูลจากเพจดาราภาพยนตร์ เผยการจากไปของพระเอกรุ่นใหญ่ สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการบันเทิงไทยอย่างมาก หากเอ่ยถึงชื่อ “ไพโรจน์ สังวริบุตร” คนไทยหลายรุ่นคงต้องนึกถึงชายหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และแววตาทะเล้นที่ปรากฏอยู่บนจอเงินในบท “ตั้ม” จากภาพยนตร์ วัยอลวน อันโด่งดังในยุค 2510–2520 เขาคือพระเอกผู้ก้าวข้ามกาลเวลา จากภาพลักษณ์ของวัยรุ่นสุดแนวในวันนั้น สู่ผู้กำกับภาพยนตร์มากฝีมือในวันนี้ และยังคงยืนหยัดเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทย “ไพโรจน์ สังวริบุตร” เกิดเมื่อวันที่ 18 […]

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย

ล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ถอยหนีชนดะ

ขอนแก่น 3 มิ.ย. – ระทึก ผู้ต้องหาถอยรถหนี ชนจยย.สายตำรวจ ขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ก่อนจนมุมรถไถลข้ามเลนพลิกตะแคง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพรถยนต์สีขาวจอดคุยกับชายคนหนึ่งที่ยืนริมถนนกสิกรทุ่งสร้าง หน้าตลาดจอมพล เขตเทศบาลนครขอนแก่น ทันใดนั้น รถคันดังกล่าวก็ถอยหลังอย่างรวดเร็ว พุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ขี่อยู่ด้านหลังล้ม 2 คัน และพยายามเร่งเครื่องหลบหนีจนไปชนกับรถคันอื่นอย่างแรง แล้วไถลข้ามเลนพลิกตะแคงอยู่ข้างทาง เมื่อเวลา 22.45 น. วานนี้ (2 มิ.ย.) คนขับปีนออกจากหน้าต่าง มีท่าทีขัดขืน แต่สุดท้ายก็ยอมออกมาจากรถ หลังจากนั้นตำรวจพาเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม และมีชายอีกคนออกมาจากหน้าเป็นรายที่สอง ตำรวจจึงควบคุมตัวที่ข้างทาง ต่อมา รถกู้ชีพมาถึงที่เกิดเหตุและทำการปฐมพยาบาลทั้งชายสองคนและสายลับที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเหตุขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้า ภายในรถมีบุหรี่ไฟฟ้าวางอยู่ ก่อนจะคุมตัวขึ้นรถกระบะไป สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.พรศักดิ์ งานดี ผู้กำกับการตำรวจสืบสวนจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า นายอนุพงษ์ อายุ 35 ปี เป็นคนขายบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนนายณัฐพล อายุ 37 ปี เป็นคนขับรถยนต์คันที่เกิดเหตุ มีพฤติกรรมลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านเฟซบุ๊กให้กับลูกค้าทั่วไปที่สั่งซื้อ จึงวางแผนล่อซื้อ […]

ทรงพระเจริญ

ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี ร่วมแปรอักษร แสดงพลังความจงรักภักดี

สงขลา 2 มิ.ย. – จังหวัดสงขลา จัดกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” ประชาชนกว่า 5,000 คน ร่วมแปรอักษร “ทรงพระเจริญ คนสงขลารักพระราชินีฯ” แสดงพลังความจงรักภักดีอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 วันนี้ 2 มิถุนายน 2568 เวลา 16.30 น. ที่สนามกีฬาติณสูลานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนางปวีณ์ริศา เกิดสม ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา นำคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวสงขลากว่า 5,000 คน ร่วมกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ย้ำรัฐบาลยึดหลักอธิปไตย-ประโยชน์สูงสุดของประเทศ

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – นายกฯ ย้ำรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ วันนี้ (4 มิ.ย.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ “ดิฉันขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และได้บูรณาการการทำงานอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานความมั่นคง เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน” นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า เรารวบรวมข้อมูลจากทั้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ภาพแผนที่จากเทคโนโลยีและการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนพิจารณาอย่างเคร่งครัดภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยมีเป้าหมายคือการปกป้องอธิปไตยของชาติและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ หากมีความคืบหน้า รัฐบาลจะมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดเป็นระยะ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและรอบด้านต่อไป.-314-สำนักข่าวไทย

ม็อบรถบัส 2 ชั้น ขู่บุกกรุง ค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า

ตรัง 4 มิ.ย. – ม็อบรถบัส 2 ชั้น ชุมนุมคัดค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า อ้างไม่ชอบ กม.-เส้นทางไม่เข้าหลักเกณฑ์กำหนด ขู่เคลื่อนขบวนพันคันบุกกรุง หากไม่ได้รับแก้ไข บริเวณอันดามันเกตเวย์ บนเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 เขาพับผ้า เครือข่ายผู้ประกอบการรถบัส 2 ชั้น ในนามสมาคมรถโดยสารสองชั้นไทย กว่า 100 คัน พร้อมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ราว 200 คน ชุมนุมคัดค้านคำสั่ง กรมการขนส่งทางบกที่ห้ามรถบัส 2 ชั้นใช้เส้นทาง 7 แห่งทั่วประเทศ การชุมนุมครั้งนี้ เป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการจากทั้งภาคใต้ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เพื่อประท้วงคำสั่งที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.68 สำหรับรถทัวร์ และวันที่ 1 มิ.ย.68 สำหรับรถประจำทาง โดยชูป้ายข้อความต่างๆ รวมถึงการเรียกร้องให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและอธิบดีกรมการขนส่งทางบกลาออกจากตำแหน่ง นายสุริยะ แกล้วทนงค์ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้นไทย เปิดเผยว่า การสำรวจเส้นทางเขาพับผ้า พบว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ต้องประกาศห้าม เนื่องจากมีความลาดชัน 8% […]

หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้า กลับลำ ยันไม่มีคนในชี้เป้า

กทม. 4 มิ.ย. – คุมตัว “แบงค์” หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลางกรมศุลฯ ทำแผน เจ้าตัวกลับลำอ้างลงมือครั้งแรก ไม่มีใครชี้เป้า ปัดเจตนาชน รปภ.ดับ กลางดึกที่ผ่านมาตำรวจ สน.ท่าเรือ พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ กว่า 20 นาย ควบคุม 5 ผู้ต้องหาแก๊งปล้นบุหรี่ไฟฟ้า ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณ ตู้คอนเทนเนอร์ ในโกดังสเตเตียม ถนนท่าเรือ 1 เขตคลองเตย จากนั้นในช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คนไปฝากขังผัดแรกที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ส่วนนายแบงค์ หัวโจก พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพอย่างเงียบๆ เพราะเกรงว่านายแบงค์จะถูกญาติ รภป. ผู้เสียชีวิต รุมประชาทัณฑ์ ภายหลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จสิ้นแล้ว พนักงานสอบสวนได้คุมตัวนายแบงค์กลับมา คุมขังที่ สน.ท่าเรือ เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ผู้สื่อข่าวได้พยายามซักถามว่านายแบงค์ก่อเหตุมาแล้วกี่ครั้ง นายแบงค์ อ้างว่าก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้ามาเพียงครั้งเดียว ส่วนนำไปขายใครนั้น นายแบงค์ไม่ตอบ และยืนยันว่าการก่อเหตุนี้ ไม่มีคนในมาชี้เป้า เพราะบริเวณนั้นใครก็รู้ว่าเป็นพื้นที่เก็บสินค้าที่ต้องการทำลาย พร้อมยกมือไหว้ขอโทษครอบครัว รปภ.ที่เสียชีวิต และยอมรับว่าตนเองไม่ได้ตั้งใจถอยรถชน […]

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ชายแดนติดตามสถานการณ์ไทย-กัมพูชา

อุบลราชธานี 4 มิ.ย. – “ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำกองทัพไม่ขัดแย้งรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดกรณีการปะทะกันที่ช่องบก โดยระบุว่า การมาครั้งนี้ตั้งใจมาให้กำลังใจกำลังพลที่อยู่แนวหน้า ซึ่งกำลังเตรียมความพร้อมในการดูแลและป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น รวมถึงดูพื้นที่จริง ซึ่งเบื้องต้นพบว่า ข่าวทหารกัมพูชาวางกับระเบิดเป็นของเก่า เวลานี้เรากำลังใช้ทางออกที่โลกอยากเห็น และเรายังไม่ได้เสียอธิปไตยตรงไหนไป สิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละจุด เราอยากให้มันค่อยๆ คลายไป เรากำลังใช้มาตรการทางการทูตเชิงรุก เริ่มต้นจากเล็กไปหาใหญ่ และมาตรการต่างๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้น เราตกลงกันแล้วว่า จะคุยด้วยกันตลอด ไม่ได้มีปัญหาอะไร มันไม่ได้ถึงขั้นนั้น เพราะยังไม่มีอะไร เราคำนึงถึงชีวิตของพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน เราจะใช้กระบวนการสันติวิธีให้ถึงที่สุด ถ้ามีอะไรเกินเลย ฝ่ายที่อยู่แนวหน้าจะต้องแจ้งเรา ซึ่งจะดำเนินการโดยทันทีทันใด ยืนยันกองทัพกับฝ่ายการเมืองไม่มีปัญหากัน .-สำนักข่าวไทย