กทม. 8 มี.ค.-พิธา ย้ำ ไม่ได้รับงานจาก ธนาธร-ปิยบุตร สานต่อนโยบายเดิมเพราะส.ส.มีส่วนคิด ไม่กังวลจะถูกคดีเหมือนพรรคเก่า
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่ออดีตพรรคอนาคตใหม่ กล่าวยืนยันว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคก้าวไกล โดยอุดมการณ์ของพรรคการเมืองใหม่ที่จะย้ายไปสมัครสมาชิกก็ไม่เปลี่ยน ส.ส.ทุกคนอยู่ด้วยกันมา 1-2 ปี มีความคิดของตัวเอง เกี่ยวกับนโยบายและอุดมการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแรงงาน การศึกษา สาธารณสุข จึงยืนยันว่าอุดมการณ์ยังไม่เปลี่ยน การเดินทางก็ต้องเป็นตัวของตัวเอง และการตัดสินใจก็เป็นการตัดสินใจของพวกเราเอง
“พวกเราไม่ได้รับนโยบายมา พวกเราทำนโยบายมาด้วยกัน อยู่ด้วยกันมา 1-2 ปี และมีส่วนเกี่ยวข้อง มันเป็นส่วนหนึ่งของดีเอ็นเอของพวกเรา ดังนั้นไม่ได้รับอะไรมาทั้งนั้น”นายพิธา กล่าว
ส่วนกรณีที่ นายธนาธร หรือนายปิยบุตร เดินทางมาที่รัฐสภา จะทำให้ถูกมองว่ามีความเชื่อมโยงหรือเกี่ยวข้องกันหรือไม่นั้นนายพิธา กล่าวว่า คงมองแบบนั้นไม่ได้ เนื่องจากรัฐสภาเป็นพื้นที่ของประชาชน กรรมาธิการวิสามัญ สามารถมีคนนอกมาทำหน้าที่ได้โดยไม่ต้องเป็นส.ส. ดังนั้นการตอบคำถามนี้ ยืนยันว่าสภาไม่ได้เป็นที่ของ ส.ส.เพียงอย่างเดียว แต่เป็นที่ของประชาชน
นายพิธา กล่าวอีกว่า สิ่งใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นภายใต้การนำของตนเอง คือ เรื่องการบริหารจัดการ ซึ่งยอมรับว่าในช่วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ทำงานกันอย่างแข็งขันและรวดเร็ว อาจจะมีการสื่อสารทั้งภายในและภายนอกที่น้อยเกินไป เพราะฉะนั้นในเรื่องของกลยุทธ์ นโยบาย และอุดมการณ์ก็จะไปที่เป้าหมายเดิม เพราะเป็นเป้าหมายร่วมของพวกเราทุกคน แต่สิ่งสำคัญในการมีความฝันแต่ไม่มีเป้าหมาย ก็ต้องมาวางแผนกัน เป็นไตรมาสเป็นรายเดือนว่าการบริหารภายใน และกระบวนการทำงานของพรรค สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราต้องทำใหม่
ส่วนกระบวนการในการเข้าสู่พรรคก้าวไกลนั้น นายพิธา กล่าวว่า อยู่ระหว่างการประสานงานกับพรรคใหม่ เมื่อถามว่าจะมั่นใจได้อย่างไรว่า ส.ส.ทั้ง 55 คนจะไปอยู่พรรคใหม่ด้วยกัน นายพิธา กล่าวว่า ตนมั่นใจ เพราะวันนี้ ส.ส.ทั้งหมดมายืนอยู่ข้างหลังตน เป็นเหมือนกำแพงของตน ซึ่งทำให้ตนมีความมั่นใจในการทำงาน โดยกำแพงชั้นที่สองของ ส.ส.ก็จะเป็นประชาชน ทั้งที่เลือกและไม่ได้เลือกพรรคเรา ซึ่งประเทศไทยในช่วงนี้มีแต่ความท้าทายดังนั้นเชื่อว่า ส.ส.ที่เหลืออยู่ของพรรคและประชาชนที่เฝ้าดู ส.ส.ของเราจะมองไปในทิศทางเดียวกัน ว่าเรามีความสามัคคีและทำงานให้สมกับภาษีประชาชน
สำหรับงบประมาณที่จะใช้ในการดำเนินการของพรรคนั้น นายพิธา กล่าวว่า จะไม่มีการยืมนาฬิกาแต่ยอมรับว่าจะเป็นพรรคการเมืองที่มีขนาดเล็กลง โดยจะเน้นในเรื่องของการระดมทุน อาจจะเริ่มระดมทุนกับบริษัทขนาดเอสเอ็มอีที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง รวมทั้งการขายสินค้าที่ระลึก ซึ่งในช่วงอดีตที่ผ่านมาเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่าการระดมทุน การสมัครสมาชิก การขายสินค้าออนไลน์สามารถทำให้พรรคไปต่อได้ และแม้ว่าพรรคการเมืองเราจะมีขนาดเล็กลง แต่คุณภาพจะต้องไม่เล็กลง เราจะค่อยๆ เป็นค่อย ๆ ไป โดยคุณภาพจะต้องไม่ลดลงด้วย
นายพิธา ย้ำว่า ไม่มีความกังวลว่าพรรคใหม่จะโดนคดีเหมือนพรรคเก่า ตราบใดก็ตามที่ยังมีเพื่อน ส.ส. เรามีบทเรียนและเราได้ถอดบทเรียน พร้อมที่จะทำงานไปข้างหน้า คำถามที่ควรจะถามกลับบรรยากาศการทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์และตรงไปตรงมา เป็นสิ่งที่ประชาชนจำนวนมาก รวมทั้งนิสิตนักศึกษาร้องขออยู่ พวกตนมีความตั้งใจที่จะมาช่วยเหลือประเทศ และมาเปลี่ยนประเทศ เพื่อทำให้ประเทศเป็นประเทศที่ดีกว่าคนรุ่นตน และส่งต่อไปให้ลูกหลานในอนาคต แน่นอนว่าการทำงานจะต้องมีความระมัดระวัง
ด้าน นายชัยธวัธ ตุลาธน อดีตรองเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงแนวทางการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคใหม่ ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานกับทางพรรคก้าวไกล รายละเอียดเมื่อชัดเจนแล้วก็จะมีการชี้แจงให้ทราบอีกครั้ง โดยหวังว่าภายในสัปดาห์หน้าจะสามารถไปสมัครสมาชิกอย่างเป็นทางการได้ และถ้าพรรคก้าวไกลพร้อมที่จะจัดประชุมวิสามัญ ก็จะมีการแจ้งต่อสื่อมวลชนต่อไป ส่วนจะมีการดึงคนนอกมาร่วมเป็นกรรมการบริหารพรรคหรือไม่ เบื้องต้นคงต้องมีการหารือกับทางพรรคก้าวไกลก่อน เพราะขณะนี้พวกตนทั้งหมดยังไม่ได้เป็นสมาชิกของพรรค ดังนั้นจะไปพูดแทนพรรคก้าวไกลก็คงไม่ได้
นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงการทำงานของกรรมาธิการชุดต่างๆ ในสภาผู้แทนราษฎรของ อดีต ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ว่า เดิมทีเรามีสัดส่วนประธาน กรรมาธิการ 6 คณะ แต่ขณะนี้ว่างไป 2 เหลืออีก 4 ชุด ซึ่งจากนี้คงต้องไปคุยกันว่าในเรื่องของโควต้าจะเป็นอย่างไร รวมทั้งเราต้องมาคุยกันด้วยว่าในเชิงยุทธศาสตร์ของพรรคจะได้คณะกรรมาธิการใดบ้าง ซึ่งต้องอาศัยการเจรจาต่อรอง เพราะอาจจะต้องมีการปรับ แต่เบื้องต้นก็ต้องมีการหารือภายในพรรคร่วมฝ่ายค้านและรัฐบาล.-สำนักข่าวไทย