ตม.พบผีน้อยกลับจากเกาหลี 2 รายต้องสงสัยแยกตัวหาเชี้อ

กรุงเทพฯ 3 มี.ค.-ตม.พบแรงงานไทยผิดกฎหมายหนีตาย “โควิด-19” จากเกาหลีใต้ 2 ราย เข้าข่ายต้องสงสัย ส่งโรงพยาบาลแยกตัวหาเชื้อ ส่วนอีก 5 รายเฝ้าระวัง 


พันตำรวจเอกเชิงรณ ริมผดี รองโฆษกสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยกรณีแรงงานผิดกฎหมายในประเทศเกาหลีใต้ที่ติดต่อมอบตัวกับ ตม.เกาหลีใต้ แสดงความจำนงค์ต้องการเดินทางกลับประเทศไทย หลังมีการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ว่า เมื่อวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา มีแรงงานคนไทยที่ถูกผลักดันกลับมายังประเทศไทย โดยขึ้นจากท่าอากาศยานอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ มาลงที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จำนวน 7 คน ตรวจวัดไข้ผ่านเครื่องเทอร์โมแสกนอย่างละเอียด พบว่ามีไข้ เข้าข่ายต้องสงสัย 2 คน จึงส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลในเครือของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อตรวจว่ามีเชื้อโควิด-19 หรือไม่

ส่วนอีก 5 คน ได้บันทึกประวัติที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ และให้กลับไปกักตัวดูอาการที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน พร้อมจัดคำแนะนำให้เฝ้าระวังสังเกตอาการตัวเอง โดยจะมีเจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรคและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขท้องที่เข้าไปตรวจเป็นระยะ แต่หากผู้ใดพบว่ามีอาการต้องสงสัยเข้าข่ายโควิด-19 สามารถโทรแจ้งสายด่วนควบคุมโรค 1422 และจะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปรับตัวส่งโรงพยาบาลทันที ซึ่งการกักตัวเองถือเป็นจิตสำนึกและความรับผิดชอบต่อตัวเองด้วย ดังนั้นข่าวที่ออกมาว่า แรงงานผิดกฎหมายที่กลับมาไทยและสงสัยป่วยเป็นไข้โควิด- 19 รวม 8 คน จึงไม่เป็นความจริง


ส่วนจำนวนแรงงานไทยที่แสดงความจำนงค์ขอกลับประเทศไทยในขณะนี้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไม่ทราบตัวเลขแน่ชัด เพราะจะทราบต่อเมื่อแรงงานเข้าเช็คอินกับสายการบินที่ประเทศเกาหลีใต้ และทางสายการบินแจ้งกลับมายัง ตม. ไทย ไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมงหลังเครื่องบินออกจากเกาหลีใต้ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานตัวเลขเพิ่มเติม แต่เบื้องต้นมีสายการบินที่เดินทางจากประเทศเกาหลีใต้มายังประเทศไทย รวม 18 ไฟล์ท แบ่งเป็นลงที่ท่าอากาศยานสุวรรรภูมิ 14 ไฟล์ท และ ท่าอากาศยานดอนเมืองอีก 4 ไฟล์ท

          ขณะที่มาตรการบนเครื่องบิน เจ้าหน้าที่จะรวมพาสปอร์ตของกลุ่มแรงงานที่ถูกผลักดันกลับ และแยกโซนที่นั่งออกจากผู้โดยสารคนอื่น รวมถึงให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ป้องกันการแพร่เชื้อ เมื่อลงจากเครื่องเจ้าหน้าที่จะจัดให้กลุ่มแรงงานลงหลังสุด โดยมีเจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรคและเจ้าหน้าที่ ตม. รอตรวจวัดอุณหภูมิด้วยเครื่องเทอร์โมแสกนรายบุคคลที่หน้าประตูเครื่อง ก่อนเข้าตัวอาคารผู้โดยสาร

          ทั้งนี้ พฤติกรรมการลักลอบทำงานผิดกฎหมายและอยู่เกินกว่าที่วีซ่ากำหนด เป็นความผิดที่เกิดขึ้นในประเทศเกาหลีใต้ และทางการเกาหลีใต้ได้ยกเว้นการดำเนินคดีกับกลุ่มแรงงานผิดกฎหมายถึงวันที่ 30 มิถุนายนนี้ ซึ่งเมื่อกลับมาประเทศไทย จึงไม่ถือว่าเป็นความผิดตามกฎหมายไทย รวมถึงไม่มีการขึ้นแบล็กลิสต์ห้ามเดินทางออกจากประเทศ.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง