กรุงเทพฯ 25 ก.พ. – ตำรวจคุมตัวแก๊งอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ขณะที่ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ยังยืนกรานปฏิเสธ แต่ตำรวจพบหลักฐานว่า “พ.ต.ท.บรรยิน” อยู่ในที่เกิดเหตุ และยังเป็นคนขับรถพาลูกน้องบุกอุ้มฆ่า ก่อนนำไปเผาเพื่ออำพรางอย่างโหดเหี้ยม
เช้าวันนี้ (25 ก.พ.) พนักงานสอบสวนกองปราบปราม คุมตัวนายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์, นายชาติชาย เมณฑ์กุล และนายประชาวิทย์ ศรีทองสุข 3 ใน 6 ผู้ต้องหาคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา มาชี้จุดเกิดเหตุ
จุดแรก บริเวณซอยรัชดา 33 ซึ่งเป็นบ้านของ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ โดยกลุ่มผู้ต้องหาใช้เป็นที่พัก วางแผน และรวมตัวกันก่อนลงมือก่อเหตุ
จากนั้นได้คุมตัวทั้ง 3 คน มายังศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ซึ่งเป็นจุดที่คนร้ายลงมืออุ้มผู้ตายขึ้นรถ โดยทั้ง 3 คน ให้การรับสารภาพว่า เฝ้าดูพฤติกรรมของผู้ตายมาหลายวัน วันเกิดเหตุเห็นผู้ตายนั่งรถแท็กซี่เข้ามา เมื่อสบโอกาสจึงลงมือ โดยนายณรงค์ศักดิ์ เป็นคนล็อกตัว ก่อนชกท้องผู้ตาย มีนายชาติชาย ผลักขึ้นรถ ก่อนที่ทั้ง 3 คน จะรุมทำร้ายผู้ตายระหว่างนั่งอยู่ในรถ
จากการสืบสวนพบว่า คดีนี้เริ่มจาก พ.ต.ท.บรรยิน ต้องการให้ น.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาที่รับผิดชอบคดีโอนหุ้นของตนเอง พิพากษายกฟ้อง จึงวางแผนจับพี่ชายไปเป็นตัวประกัน โดย พ.ต.ท.บรรยิน ได้ซื้อโทรศัพท์ให้ลูกน้อง 2 คน เพื่อเริ่มวางแผนจับตัวประกัน
จากนั้นระหว่างวันที่ 8-20 มกราคม 2563 พ.ต.ท.บรรยิน นายณรงศักดิ์ และนายมานัส ทับนิล ที่ยังให้การปฏิเสธ ได้สลับกันมาเฝ้าติดตามพฤติกรรมและกิจวัตรของ 2 พี่น้อง จนทราบว่า พี่ชายจะนั่งแท็กซี่มารับน้องสาวเป็นประจำทุกวัน ที่หน้าศาลฯ
จนกระทั่ง 4 กุมภาพันธ์ 2563 วันที่ชะตาชีวิตของพี่ชายผู้พิพากษาต้องดับลง วันเกิดเหตุ พ.ต.ท.บรรยิน เป็นคนขับรถด้วยตนเอง พร้อมพาลูกน้อง 3 คน บุกอุ้มนายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ ขึ้นรถไปซ้อม เพื่อบังคับให้น้องสาวตัดสินคดีให้ประโยชน์แก่ตนเอง โดยก่อนหน้าที่จะลงมือ พ.ต.ท.บรรยิน ได้สั่งให้ลูกน้องไปหาซื้อน้ำมันเบนซิน 95 ยางรถยนต์ 4 เส้น และแผ่นสังกะสี เตรียมไว้ นั่นหมายความว่า กลุ่มผู้ต้องหามีการตระเตรียมอุปกรณ์ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อถูกซ้อมบนรถจนเสียชีวิต กลุ่มผู้ต้องหาได้นำร่างผู้ตายไปเผา บริเวณเขาใบไม้ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ก่อนอำพรางศพใส่ถุง แล้วนำไปทิ้งในแม่น้ำเจ้าพระยา
คดีนี้ตำรวจเริ่มแกะรอยจากกล้องวงจรปิด บริเวณหน้าศาลแพ่งกรุงเทพใต้ และกล้องวงจรปิด ปากซอยเจริญกรุง 63 จากนั้นได้นำภาพไปให้ประชาชนในย่านนั้นดู จนทราบว่า กลุ่มคนร้ายเคยมานั่งเฝ้าดูพฤติกรรม ของ 2 พี่น้อง จนสามารถแกะรอยตามจับได้
ชาวบ้านที่อยู่ในซอยนี้ เล่าให้ทีมข่าวสำนักข่าวไทย อสมท ฟังว่า เห็นผู้ตายมารับน้องสาวเป็นประจำ ปกติในซอยนี้ไม่ใช่ซอยเปลี่ยว ยิ่งช่วงเลิกงาน ผู้คนยิ่งพลุกพล่าน การลงมือโดยไม่มีคนเห็น แสดงว่าคนร้ายมีความชำนาญ และวางแผนมาเป็นอย่างดี. – สำนักข่าวไทย