อสมท 20 ก.พ.-“อนุทิน” รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข แจงการพิจารณายกระดับให้โรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตราย วันจันทร์ที่ 24 ก.พ.นี้ หากมีการประกาศ ประชาชนยังใช้ชีวิตได้ปกติ เพียงเป็นการเพิ่มอำนาจในการควบคุมโรคให้เจ้าหน้าที่ ทำงานได้เข้มข้น รวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมย้ำยังคุมสถานการณ์ได้ ขอให้เชื่อข้อมูลกระทรวงสาธาณสุข เป็นข้อมูลที่ดีที่สุด ไม่มีปิดบัง
การยกระดับการติดเชื้อ “โควิด-19” เป็นโรคติดต่ออันตราย ที่จะมีประชุมร่วมกันในวันจันทร์ที่ 24 ก.พ.นี้ จะทำให้การควบคุมดูแลและการบริหารจัดการโรคโควิด-19 ได้อย่างไร ไปตรวจสอบกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ที่จะนั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุมร่วมกับนักวิชาการ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์สดทางโทรศัพท์ใน “ข่าวค่ำ” สำนักข่าวไทย ระบุการพิจารณายกระดับให้โรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตราย ต้องผ่านคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ ซึ่งมีตนเองเป็นประธาน โดยการประกาศจะมีการพิจารณาว่า จะทำให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้นหรือไม่ รัฐบาลต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นอย่างแรก ต้องดูปัจจัยต่างๆ ว่าถึงจุดที่จำเป็นต้องประกาศหรือไม่ ซึ่งกรมควบคุมโรค ซึ่งเป็นเจ้าภาพในการรับมือกับโรคนี้ คงต้องแนะนำให้มีการประกาศ
หากมีการประกาศ ประชาชนยังสามารถใช้ชีวิตได้ปกติ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพียงแต่ทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่เข้มข้น รวดเร็วมากขึ้น รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายต่างๆ เช่น กรณีผู้โดยสารเรือเวสเตอร์ดัมที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย สามารถขอความร่วมมือสายการบินว่า รายชื่อดังต่อไปนี้ อย่าเพิ่งให้บอร์ดดิ้งพาส ต้องกักตัว 14 แต่ก็ยังมีแอบมา หากมีการประกาศให้เป็นโรคติดต่ออันตราย เจ้าพนักงานจากกรมควบคุมโรคสามารถนำไปกักกันโรค 14 วันได้เลย โดยไม่ต้องแจ้งเหตุผล และอาจต้องใช้มาตรการทางกฎหมายด้วย เป็นการเพิ่มอำนาจในการควบคุมโรคให้เจ้าหน้าที่ เพื่อความสะดวก และรวดเร็ว ซึ่งน่าจะเป็นผลดี แต่ก็ต้องมีการพิจารณาถึงผลเสียด้วย
นอกจากนี้ นายอนุทิน ย้ำข้อมูลจากกระทรวงสาธาณสุขเป็นข้อมูลที่ดีที่สุดแล้ว สำหรับสถานการณ์โรคโควิด-19 มีการแถลงข่าววันละ 2 ครั้ง ไม่มีซ่อนเร้น ปิดบัง หรือปรุ่งแต่ง ขอให้เชื่อกระทรวงสาธารณสุข ที่ปั่นป่วน วิตกกังวลมาจากเฟคนิวส์ต่างๆ และข้อมูลที่ไม่ได้กลั่นกรองให้ละเอียด ขอให้เชื่อมั่นเราทำงานอย่างเต็มที่ และยังควบคุมสถานการณ์ได้อยู่.-สำนักข่าวไทย