จุฬาฯ ออกประกาศมาตรการป้องกัน “โควิด-19”

จุฬาฯ 20 ก.พ.-จุฬาฯ ออกประกาศมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 รวม2ฉบับ “ไม่อนุมัติให้นิสิตหรือบุคลากร ลา-เดินทางไปยังประเทศเสี่ยงติดเชื้อ กรณีอนุมัติแล้วให้งดหรือเลื่อน-งดหรือเลื่อนเชิญบุคลจากต่างประเทศมาสอน” พร้อมประกาศรายชื่อ 9 ประเทศที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อ   




จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกประกาศจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรื่อง มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 ลงนามโดย ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ณ วันที่ 19 กุมภาพันธ์ โดยระบุว่า 

ตามที่มหาวิทยาลัยได้ออกประกาศจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรื่อง ให้หยุดเรียนหรือหยุดงานในช่วงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ลงวันที่ 27 มกราคม 2563 ไปแล้วนั้น แต่เนื่องจากปรากฏข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์ว่า บัดนี้มีผู้ติดเชื้อโรค COVID-19 แล้วเป็นจำนวนมาก และเชื้อโรคดังกล่าวยังได้แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วและรุนแรงไปยังหลายประเทศในภูมิภาคต่างๆ ของโลก มหาวิทยาลัยจึงจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคดังกล่าว เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของนักเรียน นิสิตและบุคลากร ตลอดจนการดำเนินงานของมหาวิทยาลัย


อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 32 มาตรา 77 และมาตรา 86 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2551 ประกอบกับข้อ 15 วรรคสาม แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. 2555 และข้อ 10 วรรคสอง แห่งระเบียบจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาสัย ว่าด้วยการลาของพนักงานมหาวิทยาลัย พ.ศ. 2551 จึงเห็นสมควรให้ดำเนินการดังนี้

ข้อ 1.ไม่อนุมัติหรืออนุญาตให้นักเรียน นิสิตหรือบุคลากร ลาเพื่อเดินทางไปยังหรือแวะผ่าน (Transit) ประเทศหรือเขตการปกครองที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคโควิด-19 ตามที่มหาวิทยาลัยประกาศกำหนด ซึ่งมีกำหนดการเดินทางระหว่างวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ถึง 19 เมษายน 2563

ข้อ 2.กรณีที่ได้รับอนุมัติหรืออนุญาตให้ลาเพื่อเดินทางไปยังประเทศหรือเขตการปกครองที่เสี่ยงดังกล่าวอยู่ก่อนวันประกาศนี้ ให้นักเรียน นิสิต หรือบุคลากรงดหรือเลื่อนการเดินทางออกไปให้พ้นระยะเวลาที่กำหนดไว้ในข้อ 1 และถ้ามีค่าใช้จ่ายที่ได้รับอนุมัติไว้แล้วเกิดขึ้นก่อนวันที่ประกาศนี้ ให้สามารถเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้ตามจริง

กรณีที่มีเหตุผลหรือความจำเป็นอย่างยิ่งไม่อาจหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังประเทศหรือเขตการปกครองที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคโควิด-19 ได้ ให้นักเรียน นิสิต หรือบุคลากรแจ้งเหตุผลหรือความจำเป็นดังกล่วต่อหัวหน้าส่วนงานหรือรองอธิการบดีที่กำกับการปฏิบัติงาน/กำกับดูแลแล้วแต่กรณี เพื่อพิจารณา และเมื่อเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยแล้วให้ดำเนินการตามข้อ 3

ข้อ 3.นักเรียน นิสิต หรือบุคลากรที่เดินทางไปยังหรือแวะผ่าน (Transit) ประเทศหรือเขตการปกครองที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคโควิด-19 กลับมาถึงประเทศไทยภายในวันที่ 19 เมษายน 2563 ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่ได้รับอนุมัติหรืออนุญาตให้เดินทางหรือเดินทางด้วยภารกิจส่วนตัว ให้ผู้นั้นมีหน้าที่ไปรับการตรวจคัดกรองและเฝ้าระวังเชื้อโรคโควิด-19 ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ หรือสถานพยาบาลอื่นที่มีมาตรฐานในการตรวจคัดกรอง และเฝ้าระวังเทียบเท่ากับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ในวาระแรกที่สามารถกระทำได้ แล้วรายงานผลการตรวจดังกล่าวต่อหัวหน้าส่วนงานหรือรองอธิการบดีที่กำกับการปฏิบัติงาน/กำกับดูแล แล้วแต่กรณี ถ้าหากตรวจพบหรือมีภาวะเสี่ยงที่จะติดเชื้อโรคโควิด-19 ให้หัวหน้าส่วนงานหรือรองอธิการบดีที่กำกับการปฏิบัติงาน/กำกับดูแล แล้วแต่กรณี พิจารณาสั่งให้ผู้นั้นงดเข้าชั้นเรียนหรือหยุดมาปฏิบัติงาน เพื่อรับการรักษาจนหายเป็นปกติ หรือเพื่อเฝ้าดูอาการเป็นเวลา 14 วันนับจากวันที่กลับมาถึงประเทศไทย โดยไม่ถือเป็นการขาดเรียน หรือขาดการปฏิบัติงาน และไม่นับเป็นวันลา 

หัวหน้าส่วนงานหรือรองอธิการบดีที่กำกับการปฏิบัติงาน/กำกับดูแล แล้วแต่กรณี ที่สั่งให้นักเรียน นิสิต บุคลากรคนใดงดเข้าชั้นเรียนหรือหยุดมาปฏิบัติงานเพื่อเฝ้าดูอาการตามวรรคหนึ่ง อาจมอบหมายงานให้ผู้นั้นปฏิบัติในระหว่างที่หยุดเฝ้าดูอาการนั้นก็ได้

ข้อ 4.ให้งดหรือเลื่อนการเชิญบุคคลจากต่างประเทศมาร่วมกิจกรรมการเรียนการสอน การประชุม การสัมมนาหรือการดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัย ระหว่างวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ถึง 19 เมษายน 2563 ออกไปก่อน และถ้าหากมีค่าใช้จ่ายที่ได้รับอนุมัติไว้แล้วเกิดขึ้นก่อนวันที่ประกาศนี้ ให้สามารถเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้ตามจริง

5.ให้นักเรียน นิสิต และบุคลากร ถือปฏิบัติตามประกาศนี้โดยเคร่งครัด ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นตันไป

นอกจากนี้ ยังออกประกาศจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรื่อง กำหนดรายชื่อประเทศหรือเขตการปกครองที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคโควิด-19 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2551 ประกอบกับข้อ 1ของประกาศจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรื่อง มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563 มหาวิทยาลัยจึงกำหนดให้ประเทศดังมีรายชื่อต่อไปนี้ เป็นประเทศหรือเขตการปกครองที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคโควิด-19

1.สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) 

2.สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) 

3.สาธารณรัฐประชาชนจีน 

4.เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน 

5.เขตบริหารพิเศษมาเก๊าแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน 

6.ญี่ปุ่น 

7.มาเลเซีย  

8.สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม 

9.สาธารณรัฐสิงคโปร์ .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พปชร.เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา

พปชร. เปิดตัวทัพใหญ่ ว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา เผยเลือดไหลเข้าพรรคพร้อมรับใช้ประชาชนอีกมาก

สาวถูกงูเห่ากัดใช้เบตาดีนทา สุดท้ายถูกหามเข้า ICU

อุทาหรณ์ สาวโพสต์โดนงูเห่ากัดตอนตี 5 ล้างแผล ทาเบตาดีนสู้พิษงู ลุกไปเข้าเวรเช้าต่อ ก่อนภาพตัด ถูกหามเข้าไอซียู

ตร.ไซเบอร์บุกค้น 9 จุด รวบรอบ 2 “มินนี่” เจ้าแม่เว็บพนัน

ตำรวจ บช.สอท. นำกำลังพร้อมหมายค้น ปูพรม 9 จุด ทั้งในกรุงเทพฯ จังหวัดเลย และจังหวัดใกล้เคียง จับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายพนันออนไลน์ “มินนี่” กว่า 30 หมายจับ

เตือนพายุฤดูร้อนไทยตอนบน ฉ.1 มีผล 6-8 มี.ค.นี้

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 1 มีผลกระทบช่วงวันที่ 6-8 มี.ค.68 เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง

ข่าวแนะนำ

ขอหมายจับสามีภรรยาแจ้งความเท็จไฟไหม้บ้านเผาเงิน 10 ล้าน

ตำรวจขอศาลออกหมายจับสามีภรรยา แจ้งความบ้านถูกไฟไหม้เผาเงิน 10 ล้านบาท ด้าน พฐ. ตรวจบ้านไฟไหม้ไม่พบไฟฟ้าลัดวงจร ยืนยันน่าจะเป็นการจงใจวางเพลิง พบเงิน 10 ล้าน ไม่มีจริง พร้อมตรวจสอบเส้นเงินอีก 6.5 ล้าน ที่ยึดได้ในรถ ส่อฟอกเงิน-บัญชีม้า

พายุฤดูร้อนถล่มอีสาน

พายุฤดูร้อนถล่มอีสาน ลมแรง ต้นไม้ล้ม

ไทยเข้าสู่ฤดูร้อนไปเมื่อวันศุกร์ ที่ 28 ก.พ.68 หลายพื้นที่ถูกพายุฤดูร้อนพัดถล่ม โดยเฉพาะเมื่อวานฝนกระหน่ำ ลมแรง ต้นไม้ล้ม ต้นทุเรียนโค่น อุตุฯ เตือนช่วง 6-8 มีนาคมนี้ ระวังพายุฤดูร้อน

ระดมชุดสืบสวนเร่งไล่ล่าคนร้ายชิงทอง 102 บาท

ตำรวจภูธรภาค 6 ระดมชุดสืบสวนเร่งไล่ล่าโจรชิงทองกลางห้างดังแม่สอด พร้อมจำลองเหตุการณ์ถอดแผนประทุษกรรมคนร้าย คาดมีข่าวดีเร็วๆ นี้ ขณะที่ 5 อำเภอชายแดน ยังเข้มตั้งจุดตรวจ-จุดสกัด ป้องกันคนร้ายหนีข้ามแดน

นายกฯ พบผู้บริหารบริษัท DKSH ณ นครซูริก ก่อนบินต่อเบอร์ลิน

นายกฯ หารือภาคเอกชน พบผู้บริหารบริษัท DKSH ณ นครซูริก ก่อนบินต่อเบอร์ลิน เยอรมนี พูดคุยข้อจำกัดการขออนุญาตจำหน่ายยาและเวชภัณฑ์พัฒนาการรักษาโรคในไทย สานต่องานอดีตนายกฯ เศรษฐา พร้อมขอให้เป็นตัวกลางส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปต่างประเทศ