สำนักข่าวไทย 19 ก.พ.-มุมมองพระนักเทศน์ กรณีอดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศ รอลงอาญา ยังบวชใหม่ไม่ได้
พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ พระนักเทศน์ชื่อดังแห่งวัดสร้อยทอง กล่าวถึงกรณีคดีเงินทอนวัด ซึ่งศาลตัดสินให้อดีตพระพรหมสิทธิ ธงชัย สุขโข หรือนายธงชัย สุขโข อายุ 64 ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร, อดีตกรรมการมหาเถรสมาคม จำเลยที่ 5 จำคุก 36 เดือน และปรับ 27,000 บาท แต่ศาลพิจารณาเห็นว่าที่ผ่านมาได้ปฏิบัติหน้าที่ในการเผยแพร่ศาสนามาอย่างต่อเนื่อง และเป็นพระชั้นผู้ใหญ่ไม่เคยกระทำผิดทางวินัยจึงให้รอการลงโทษไว้กำหนด 2 ปี
พระมหาไพรวัลย์ ชี้ว่า สำหรับคำถามที่ว่าในระหว่างที่อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศรอลงอาญาอยู่นั้น จะสามารถกลับมาบวชได้หรือไม่ มองในตามหลักการพิจารณาหากศาลตัดสินว่า ไม่มีความผิด หรือยกฟ้องจะสามารถกลับมาบวชใหม่ได้ แต่ในกรณีนี้ ศาลมีคำพิพากษาจำคุกและให้รอลงอาญา ดังนั้น อดีตพระพรหมสิทธิยังไม่สามารถกลับมาบวชใหม่ได้ ซึ่งมติมหาเถรสมาคมได้เคยระบุหากพระอุปัชฌาย์รูปใดประกอบพิธีอุปสมบทให้กับอดีตพระรูปนั้น จะมีความผิดหรือเป็นการละเมิดจริยา พระสังฆาธิการ ก็คือพระอุปัชฌาย์ซึ่งจะมีความผิดถูกเจ้าคณะปกครอง ในสังกัดสั่งลงโทษ
พระมหาไพรวัลย์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้มีคดีของเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตร ที่ถูกตัดสินจำคุกในคดีทุบทำลายโบราณสถานภายในวัด ซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางพิจารณาตัดสินจำคุก 3 ปี แต่เป็นการทำตามหน้าที่เจ้าอาวาส มีเจตนาพัฒนาวัด แต่ไม่สอดคล้องกับกฎหมายของกรมศิลปากร รับสารภาพลดหย่อนโทษกึ่งหนึ่งและให้รอลงอาญา 1 ปี และไม่ต้องสละสมณเพศ
ส่วนคดีเงินทอนวัดของอดีตพระพรหมสิทธิ ธงชัย สุขโข แม้จะคล้ายกันแต่เป็นคดีที่มีความเสียหายสูงและมีผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก และเป็นที่สนใจของสังคม อีกทั้งเมื่อ 29 พ.ค.2561 มีพระราชโองการถอดถอนสมณศักดิ์พระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องคดีเงินทอนวัดทั้งหมด 7 รูป ซึ่งมีอดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น กระทั่งศาลมีคำตัดสินออกมาในวันนี้ แม้ตามพระธรรมวินัยกำหนดการขาดจากความเป็นพระสงฆ์ต้องเข้าเงื่อนไข 3 ประการคือ 1.ต้องอาบัติปาราชิก 2.ต้องบอกลาสิกขา 3.มีการละเมิดพระธรรมวินัย มองว่าการกลับมาบวชน่าจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบาก เพราะเป็นเรื่องของความเหมาะสม แต่ระหว่างนี้อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศยังก็ยังสามารถปฏิบัติตนด้วยการถือศีล นุ่งขาวห่มขาว ครองตนเสมอตอนเป็นพระได้เช่นเดิม .-สำนักข่าวไทย