ทำเนียบฯ 18 ก.พ. –
ครม.อนุมัติขยายอายุสัญญาสัมปทาน 15 ปี 8 เดือนให้ BEM เป็นสิ้นสุดสัญญาปี 2578
จากเดิมจะต้องคืนสัมปทานสิ้นเดือน ก.พ.นี้ เพื่อแลกจ่ายโง่กว่า 7.86 หมื่นล้าน
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)
อนุมัติแนวทางยุติข้อพิพาททางด่วนระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.)
กับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM โดยให้มีการขยายอายุสัญญาสัมปทานออกไปอีก
15 ปี 8 เดือน
โดยสัญญาระบบทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน A ช่วงรัชดาฯ-พระราม9 ส่วน B ช่วงพญาไท-บางโคล่ และส่วน C ช่วงแจ้งวัฒนะ-รัชดาฯ
จะสิ้นสุดวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นสิ้นสุด 31 ตุลาคม 2578
ส่วนทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน D ช่วงบางปะอิน-ปากเกร็ด จะสิ้นสุดวันที่
22 เมษายน 2570 และโครงการทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด (C+) ที่จะสิ้นสุด
27 กันยายน 2569 เป็นสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2578 เช่นกัน โดยมีเงื่อนไขให้ยุติข้อพิพาทระหว่างกันและถอนฟ้องคดี
17 คดีทั้งหมด คิดเป็นมูลค่าหนี้ 78,908 ล้านบาท
ด้านนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุว่า
สาเหตุที่จำเป็นต้องเร่งพิจารณาขยายอายุสัมปทานให้ BEM เนื่องจากจะสิ้นสุดอายุสัมปทานวันที่
28 กุมภาพันธ์นี้ หากปล่อยให้หมดอายุสัมปทานจะต้องมีการประมูลหาผู้ให้บริการรายใหม่ไม่สามารถทำสัญญาขยายอายุสัมปทานได้
ขณะที่มูลค่าหนี้ที่จะต้องจ่ายให้กับ BEM ไม่ได้ยุติ และดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นทุกวัน
หากปล่อยให้หมดอายุสัมปทานตามเดิม รัฐจะต้องจ่ายเงินให้กับ BEM รวมเงินต้นและดอกเบี้ย 300,000 ล้านบาท
ด้านนายสุรงค์ บูลกุล ประธานคณะกรรมการ กทพ. กล่าวว่า
การระงับข้อพิพาทครั้งนี้ยังกำหนดการจ่ายผลตอบแทนตามเดิม คือ แบ่งสัดส่วนรายได้ให้
กทพ. 60% และ 40% ให้ BEM ในสัญญา A B C และ D ส่วนสัญญา C+ BEM ได้ค่าตอบแทนทั้ง 100%
และตามแนวทางการขยายอายุสัญญาสัมปทานได้กำหนดให้ BEM สามารถปรับขึ้นค่าผ่านทางได้ปีละ
1 บาท แต่จะปรับขึ้นได้เพียงครั้งเดียวคือปี 2571 หรือขึ้นค่าผ่านทาง 10 บาท ส่วนอีก
5 ปี 8 เดือนไม่ให้ปรับขึ้น
ทั้งนี้ การเจรจายุติข้อพิพาทครั้งนี้ได้มีการตัดการลงทุนโครงการทางด่วนขั้นที่
2 หรือ Double Deck ออกไป
เพราะไม่ได้มาเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทจะเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต . –
สำนักข่าวไทย