กรุงเทพฯ 17 ก.พ. – รมว.คมนาคมเตรียมเยือนเกาหลีใต้ 20-23 ก.พ.นี้ รับผลทดสอบแผ่นยางหุ้มแบริเออร์ หลังทดลองในไทยช่วยรับแรงปะทะเพิ่ม 30% ยืนยันเงินถึงมือเกษตรแน่นอน ด้าน ทช.เผยปี 63 เตรียมทุ่ม 200 ล้าน ใช้ยางพาราทำหลักกิโลเมตร
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เปิดเผยว่า วันที่ 20 -23 กุมภาพันธ์ 2563 ตนพร้อมด้วยนายปฐม เฉลยวาเรศ อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) จะเดินทางไปประเทศเกาหลีใต้ เพื่อรับผลการทดสอบแผ่นยางหุ้มแบริเออร์คอนกรีต (Barriers Rubber Fender) พร้อมทั้งลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) กับกระทรวงคมนาคมของประเทศเกาหลีใต้ ก่อนหน้านี้ ทช.มีการทดสอบเบื้องต้นที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งผลการทดสอบเป็นที่น่าพอใจและเป็นไปตามสมมติฐานที่วางไว้ คือ มีความแข็งแรง รวมถึงสร้างความปลอดภัยจากแรงปะทะได้ถึง 30% เมื่อใช้ความเร็วรถ 120 กม./ชม. จากเดิมแบริเออร์คอนกรีตรับได้ 90 กม./ชม.
“เหตุผลที่เดินทางไปทดสอบที่เกาหลีใต้ เพราะเป็นสถาบันสากลได้รับการรับรองจากทั้งโลก ถ้ารับผลมาก็จะเริ่มโครงการนี้ในพื้นที่ที่เกิดปัญหาการเกิดอุบัติเหตุก่อน เพื่อจะได้มีค่าทดสอบเปรียบเทียบอย่างมีนัยยะสำคัญตามหลักสถิติว่า หลังจากติดตั้งแล้วสถิติการเกิดอุบัติเหตุเป็นอย่างไร แล้วจะขยายผลไปเรื่อย ๆ โดยเรื่องทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลา” นายศักดิ์สยาม กล่าว
นายศักดิ์สยาม กล่าวยืนยันว่า สำหรับเกาะกางถนนที่มีอยู่เดิมและได้ดำเนินการไปแล้วนั้น จะไม่มีการรื้อแต่อย่างใด แต่อาจจะปรับปรุงเรื่องความปลอดภัยด้วยการติดตั้งแผ่นยางหุ้มแบริเออร์เข้าไปแทน ทั้งนี้ มั่นใจว่าสถิติการเกิดอุบัติเหตุจะลดลง อย่างไรก็ตาม แนวทางดังกล่าวจะมีต้นทุนถูกกว่าการทำเกาะหญ้า และได้พื้นที่การจราจรมากกว่า รวมถึงการก่อสร้างเร็วกว่า อีกทั้งประหยัดต้นทุนบำรุงรักษามากกว่า
สำหรับแผ่นยางหุ้มแบริเออร์นั้น ต้นทุนเท่าเดิมกับแบริเออร์คอนกรีต หรือมีราคาประมาณ 6,000 บาท ส่วนแผ่นยางหุ้มแบริเออร์ที่เอามาครอบคอนกรีตมีราคาไม่เกิน 6,000 บาท โดยในงบประมาณลงทุนดังกล่าวจะไปถึงมือเกษตรกรชาวไร่สวนยางโดยตรง เนื่องจากหลังจากนี้จะมีการ MOU กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยการให้สหกรณ์ชาวสวนยางเป็นผู้ผลิตตามรูปแบบและมาตรฐานของกรมทางหลวง (ทล.) และ ทช.รับซื้อยางพาราโดยตรง ทั้งนี้ จากตัวเลขปริมาณน้ำยางพาราที่จะใช้อยู่ที่ 80% ต้นทุนแผ่นยางหุ้มแบริเออร์ 6,000 บาท เกษตรกรจะได้รับเงิน 4,800 บาท
ขณะที่อายุการใช้งานของแผ่นยางหุ้มแบริเออร์จะอยู่ที่ประมาณ 2-3 ปี แต่มีวิธีการที่สามารถยืดอายุการใช้งานได้ โดยการทาน้ำยาเคลือบบนแผ่นยางคล้ายกับการทาสี อย่างไรก็ตาม หลังจากเดินทางกลับจากการรับผลการทดสอบดังกล่าวที่ประเทศเกาหลีใต้ กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะอธิบายให้ประชาชนรับทราบว่า สิ่งที่ได้ดำเนินการทั้งหมดนี้ทำเพื่อความปลอดภัย พร้อมทั้งบรรลุเป้าหมายนโยบายการกำหนดอัตราความเร็ง 120 กม./ชม. รวมถึงทำให้เกษตรกรได้ประโยชน์จากส่วนนี้ไป 80:20% ด้วย
ด้านนายปฐม เฉลยวาเรศ อธิบดี ทช. กล่าวว่า ทช.ได้มีการทดสอบแบริเออร์แบบเรียบ (Single-Slope Barrier) ซึ่งปรับเปลี่ยนรูปแบบจากคอนกรีตแบริเออร์ (New Jersey Type) แบบเดิม ด้วยความเร็ว 115 กม./ชม. พบว่า Single-Slope Barrier จะสามารถรับแรงปะทะและไม่ทำให้รถที่ชนปะทะแบริเออร์ลอยข้ามไปฝั่งตรงข้าม ซึ่งมีความปลอดภัยกว่าแบบ New Jersey Type ที่รถชนแล้วจะลอยข้ามได้ง่าย ทั้งนี้ หากผลการทดสอบที่ประเทศเกาหลีใต้ได้ผลนั้น ในอนาคตถนนที่มีการก่อสร้างใหม่จะใช้แบริเออร์แบบ Single-Slope ที่หุ้มด้วยยางพาราทั้งหมด
ทั้งนี้ ปี 2563 ทช.จะมีการใช้ยางพารากับหลักนำโค้งและหลักกิโล จากปัจจุบันเป็นปูน ซึ่งมีแผนจะทดแทน 100,000 ต้น วงเงินประมาณกว่า 200 ล้านบาท เป็นค่าน้ำยางดิบประมาณ 70-80% ถึงมือเกษตรกร ซึ่งถนน ทช.มีหลักนำทางและหลักกิโลทั้งหมด 700,000 ต้น ซึ่งจะทยอยเปลี่ยนจนครบ หลังจากนี้จะทำเรื่องเสนอกรมบัญชีกลางขออนุมัติการจัดซื้อตรงจากสหกรณ์ทั่วประเทศ.-สำนักข่าวไทย
![](https://imgs.mcot.net/images//2020/02/1581911306110.jpg)