แก๊งอุ้มบุญหรืออุ้มบาป

กทม. 14 ก.พ.-การอุ้มบุญ หรือการตั้งครรภ์แทน กลายเป็นประเด็นอีกครั้ง หลังตำรวจบุกทลายเครือข่ายรับอุ้มบุญเมื่อวานนี้ โดยข้อมูลจากพยานยืนยันว่าเด็กที่คลอดออกมามีครอบครัวชาวจีนรับไปอุปการะเลี้ยงดูอย่างดี แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะอาจมีขบวนการซื้อขายอวัยวะมนุษย์แฝงอยู่ด้วย

ตำรวจคุมตัวหญิงสาวที่รับอุ้มบุญ และเอเย่นต์ที่ทำหน้าที่หาผู้หญิงอุ้มท้อง จำนวน 9 คน มาฝากขังต่อศาลอาญา รัชดาฯ หลังถูกชุดปฏิบัติการตำรวจคอมมานโดเข้าทลายแหล่งที่พักของบรรดาหญิงสาวที่มารับตั้งครรภ์


1 ใน 9 ผู้ต้องหาที่รับอุ้มบุญ เปิดใจเธอได้เงินจากเอเย่นต์ 450,000 บาท แบ่งออกเป็นงวดๆ นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่เธอฉีดตัวอ่อนฝังเข้าไปในร่างกาย หลังจากเคยคลอดเด็กให้ขบวนการนี้มาแล้ว 1 คน เมื่อปี 2559

ขบวนการนี้เริ่มตั้งแต่มีนายทุนชาวจีน 2 คน เปิดบริษัทอุ้มบุญ โดยมีนายหน้าคนไทยหาผู้หญิงที่ต้องการมีรายได้และพร้อมจะตั้งครรภ์ จากนั้นเอเย่นต์จะส่งตัวหญิงสาวไปฉีดฝังตัวอ่อนที่ประเทศเพื่อนบ้าน ก่อนกลับมาฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลใน กทม. และตามจังหวัดต่างๆ ซึ่งจุดนี้ ทางอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพยอมรับว่าแพทย์จะไม่ทราบว่าเป็นการตั้งครรภ์แบบธรรมชาติ หรือใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ จนกระทั่งอายุครรภ์ใกล้ 9 เดือน ก็จะส่งหญิงสาวไปคลอดที่จีน

ส่วนความคืบหน้าคดี ล่าสุดตำรวจ ปคม. เตรียมขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 8 คน เป็นชาวจีน 2 คน และคนไทย 6 คน ที่เป็นคนรับอุ้มบุญ และผันตัวเป็นนายหน้า จากการตรวจสอบหัวหน้าขบวนการนี้ที่เป็นชาวจีน พบว่านอกจากธุรกิจรับปรึกษาผู้มีบุตรยากแล้ว ยังเปิดบริษัทนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ แต่ตำรวจพบพิรุธ เพราะมีการนำชื่อคนขับรถมาเป็นคณะกรรมการบริษัทด้วย

สำหรับเนื้อหาใน พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ ตามเจตนารมณ์ของกฎหมายมีขึ้นเพื่อให้ผู้ที่มีบุตรยากสามารถตั้งครรภ์ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ได้ โดยผู้ที่รับอุ้มบุญต้องเป็นญาติสืบสายโลหิต หญิงที่รับตั้งครรภ์แทนต้องเคยมีบุตรมาแล้ว และมีข้อห้าม อาทิ ห้ามหญิงรับอุ้มบุญรับตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้า, ห้ามเป็นนายหน้าจัดการหรือชี้ช่องให้มีการรับตั้งครรภ์แทน, ห้ามโฆษณาว่ามีหญิงรับตั้งครรภ์แทน และห้ามซื้อขาย หรือนําเข้าอสุจิ ไข่ หรือตัวอ่อนโดยสถานประกอบการแพทย์ โดยผู้ฝ่าฝืนมีอัตราโทษจำคุก 10 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนผู้โฆษณาชักชวนมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

โดยข้อมูลล่าสุดในไทยมีคลินิก สถานพยาบาลรวม 9 แห่ง ที่ลักลอบกระทำการอุ้มบุญ ส่วนสถานพยาบาลที่ขออนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุขมีกว่า 300 แห่ง.-สำนักข่าวไทย


ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บุกทลาย ‘อุ้มบุญ’ พบ 7 สาวรับจ้างตั้งครรภ์-ทารกเพิ่งคลอดคาบ้านหรู
ค้น 10 จุดทลายขบวนการอุ้มบุญข้ามชาติ
เตรียมขอหมายจับคดีรับจ้างอุ้มบุญเพิ่มอีก 8 คน


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อขอให้ติดคุกจริง

ตรวจสอบสิทธิ์เงินหมื่น

ตรวจสอบสิทธิ์เงินหมื่นคนอายุ 60+ ผ่านแอป “ทางรัฐ” ได้แล้ว

“จิรายุ” ย้ำเงินหมื่นเฟส 2 มอบคนอายุ 60+ รัฐบาลพร้อมโอนไม่มีเปลี่ยนแปลงแล้ววันจันทร์ที่ 27 ม.ค.นี้แน่นอน สามารถตรวจสอบสิทธิ์ผ่านแอป “ทางรัฐ” ได้แล้ววันนี้ ส่วนคนไม่มีสมาร์ทโฟนฝากลูกหลานช่วยด้วย

นายกฯหารือบริษัทยา

นายกฯ ถกบริษัทยา Astrazeneca พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทย

บริษัทยาระดับโลก Astrazeneca หารือ นายกฯ ยืนยันไทยยังเป็นพันธมิตรที่ดีมายาวนาน พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ นายกฯ มั่นใจการแพทย์ของไทยติดระดับในโลก ยืนยันหลายประเทศทั่วโลกบินมารักษาในประเทศไทยจำนวนมาก

ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน

ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค.

กรมควบคุมมลพิษ เผยวันนี้ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค. ประสานทุกหน่วยงานยกระดับการแก้ไขปัญหา พร้อมเตือนประชาชนเฝ้าระวังสุขภาพและปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข