กรุงเทพฯ 11 ก.พ. – อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ ถนนรัชดาภิเษก ได้รับการรับรองอาคารเพื่อสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานสากล LEED EBOM (Existing Buildings: Operations & Maintenance) คะแนนสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของไทย และอันดับ 3 ของโลก ด้วยการบริหารจัดการอาคารโดยคำนึงสิ่งแวดล้อม ตอกย้ำแนวทางสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนพร้อมกันทั้งตลาดทุน สังคม และประเทศชาติ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของคนไทย (Growing Together for Inclusive Well-being)
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ดำเนินงานครบ 45 ปี โดยในปีนี้ มุ่งเน้นการเติบโตแบบ Inclusive Well-being สร้างการเติบโตไปพร้อมกันทุกภาคส่วนอย่างสมดุลและยั่งยืนในระยะยาว
“ตลาดหลักทรัพย์ฯ ดำเนินงานโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และบรรษัทภิบาล (Governance) ตั้งแต่ระดับนโยบายไปจนถึงการปฏิบัติจริงในทุกกระบวนการ พร้อมส่งเสริมให้ผู้เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับ ESG อย่างเป็นรูปธรรม ล่าสุด อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ ถนนรัชดาภิเษก ได้รับการรับรองอาคารเพื่อสิ่งแวดล้อมมาตรฐานสากล LEED EBOM ระดับสูงสุดคือระดับ Platinum จากสภาอาคารเขียวสหรัฐอเมริกา (USGBC) ด้วยคะแนน 93 คะแนน ซึ่งเป็นคะแนนสูงสุดเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศไทยและอันดับ 3 ของโลก อีกทั้งยังเป็นอาคารแรกในไทยที่ได้รับการรับรองระดับ Platinum Version 4 ซึ่งเป็น Version ล่าสุด สะท้อนการบริหารจัดการอาคารโดยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และคำนึงถึงคุณภาพชีวิตของคนในอาคารตลอดจนชุมชนรอบด้าน” นายภากรกล่าว
ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2559 อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล LEED ประเภทอาคารสร้างใหม่ (LEED NC) ระดับ Gold ซึ่งพิจารณาจากการออกแบบและก่อสร้างที่เป็นไปตามมาตรฐานด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม ส่วน LEED EBOM ที่ได้รับในครั้งนี้ มีเกณฑ์การพิจารณาในมิติของการบริหารอาคารที่มีประสิทธิภาพ มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงคำนึงถึงคุณภาพชีวิตของคนเป็นสำคัญ โดยประเมินทั้งการจัดการคุณภาพน้ำ พลังงาน การบริหารทรัพยากร และการจัดการของเสีย ทั้งนี้ อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้รับคะแนนในระดับสูงโดดเด่นในด้านการใช้พลังงาน ที่มีการบริหารพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและได้ประโยชน์สูงสุด รวมถึงส่งเสริมพลังงานทางเลือก การจัดการทรัพยากรที่ดี คุณภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมที่ดีในอาคาร ปัจจุบัน ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังผ่านการรับรองการชดเชยการปล่อยคาร์บอน (Carbon Neutral Organization) 100% รวมถึงได้เข้าร่วมโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program : T-VER) อีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีการขยายผลไปยังองค์กรต่าง ๆ ผ่านการดำเนินโครงการ Care the Bear และ Care the Whale เพื่อลดภาวะโลกร้อน รณรงค์การใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด คัดแยกขยะอย่างมีประสิทธิภาพ นำขยะไปแปรรูปอย่างถูกวิธี เพื่อสิ่งแวดล้อมและสังคมที่ยั่งยืนในระยะยาว .- สำนักข่าวไทย