กรุงเทพฯ 8 ก.พ. – กฟผ.ปรับตัวรับธุรกิจไฟฟ้าเสรี เตรียมแผนรุกธุรกิจไฟฟ้าขายปลีกในรูปแบบพื้นที่เฉพาะ ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปซื้อ-ขายไฟฟ้า ด้วยบล็อกเชน ด้านเอกชนหนุนแก้ ESB เปิดช่องให้เอกชนซื้อขายไฟฟ้าระหว่างกัน
นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า จากกระแสอุตสาหกรรมไฟฟ้าโลกกำลังก้าวเข้าสู่การแข่งขันเสรีหลายประเทศมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบ เช่น สิงคโปร์ เปิดให้ประชาชนเลือกใช้ไฟฟ้าในรูปแบบต่าง ๆ ที่ตอบสนองต่อความต้องการของตนเองในชีวิตประจำวัน ญี่ปุ่นประชาชนสามารถเลือกซื้อไฟฟ้าได้อย่างอิสระ จากบริษัทเอกชนที่เข้ามาดำเนินการจัดจำหน่ายให้ประชาชนตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง กฟผ.จึงต้องเตรียมรับกับการเปลี่ยนแปลง ศึกษานวัตกรรมและเตรียมพร้อมธุรกิจหลาย ๆ ด้าน เช่น ศึกษาช่องทางดำเนินธุรกิจ Power Retailer จากระบบโครงข่ายไฟฟ้า เช่น กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ข้อจำกัดหรือสิทธิประโยชน์ทางกฎหมายของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายและคู่แข่ง และกลยุทธ์ในการดำเนินการเพื่อให้ได้ลูกค้าเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนผลิตไฟฟ้าบนหลังคา และมีการเชื่อมต่อกันเฉพาะพื้นที่ หรือ Sandbox โดย กฟผ.มีแผนที่จะเข้าไปจัดทำธุรกิจครบวงจรทั้งการรับจ้างติดตั้งอุปกรณ์ผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์รูฟท็อปครบวงจรให้กับผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมและภาคอสังหาริมทรัพย์ การพัฒนาการเชื่อมต่อไฟฟ้าและส่งจำหน่ายไฟฟ้าด้วยระบบบล็อกเชน
ทั้งนี้ เบื้องต้น กฟผ.ได้ทดสอบการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปภายใน กฟผ. เพื่อทดสอบการแลกเปลี่ยนไฟฟ้าระหว่างกัน โดยจะไม่ใช้ไฟฟ้าจากระบบกลาง โดยติดตั้ง 2 อาคาร คือ อาคารที่ทำการฝ่ายปฏิบัติการเขตนครหลวง (ท.009) กับอาคารศูนย์ควบคุม (ท.011) ภายในสำนักงาน กฟผ.บางกรวย เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของระบบต่าง ๆ ภายใต้การสามารถซื้อขายไฟฟ้าระหว่างกันในพื้นที่เฉพาะ ซึ่งถือว่าจะเป็นการปรับตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่ในอนาคตผู้ใช้ไฟฟ้าจะผันตัวเป็นผู้ผลิตและผู้ขายไฟฟ้ากลับเข้าสู่ระบบ (prosumer) มากขึ้น
ด้านนายเจมส์ รามา ปัทมินทรวิภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู อินฟิเนอร์จี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างติดตามความชัดเจนนโยบายภาครัฐเรื่องการยกเว้นนโยบาย Enhancing Single Buyer ที่กำหนดให้ กฟผ.เป็นผู้รับซื้อไฟฟ้ารายเดียว ว่าจะมีผลเมื่อใด เพราะหากปลดล็อคส่วนนี้ได้จะทำให้เกิดการซื้อขายไฟฟ้าของเอกชนในพื้นที่เฉพาะได้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้า 2- 3 รายทั้งที่เป็นกลุ่มโครงการบ้านจัดสรร โรงงานอุตสาหกรรมและหน่วยงานภาครัฐ เพื่อติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปและซื้อขายไฟฟ้าระหว่างกันได้
ส่วนความคืบหน้าการควบรวมกิจการระหว่างบ้านปู อินฟิเนอร์จี กับบริษัท บ้านปู รีนิวเอเบิล เอนเนอร์จี จำกัด หรือ BRE เพื่อจัดตั้งบริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด (BANPU NEXT) นั้น คาดว่าจะดำเนินการเสร็จ ภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ หลังจากนั้นเดินหน้าตามแผนลงทุน เช่น ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน เช่น การผลิตไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม พลังงานลม ซึ่งตั้งเป้าปี 2568 จะมีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 1,100 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันอยู่ที่ 300 เมกะวัตต์, โซลาร์รูฟท็อปตั้งเป้าปี 2568 จะมีกำลังผลิตเป็น 500 เมกะวัตต์ จากปัจจุบัน อยู่ที่ประมาณ 100 เมกะวัตต์, ธุรกิจเอ็นเนอร์ยี่ สตอเรจ, ธุรกิจ ELECTRIC VEHICLES , ธุรกิจสมาร์ทซิตี้ และธุรกิจ Energy trading ที่จะลงทุนได้ประเทศแรก คือ ญี่ปุ่น. –สำนักข่าวไทย