ศาลรธน.มีมติร่างพ.ร.บ.งบประมาณไม่โมฆะ ให้ลงมติวาระ 2และ 3 ใหม่

ศาลรัฐธรรมนูญ 7 ก.พ.- มติศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก วินิจฉัยร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 2563 ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ  การเสียบบัตรแทนกันทำให้เกิดปัญหาในกระบวนการตรากฎหมาย จึงวินิจฉัยให้สภาไปดำเนินการแก้ไขด้วยการลงมติวาระ 2 และวาระ 3 ใหม่ ก่อนส่งให้วุฒิสภาเห็นชอบ และรายงานให้ศาลทราบภายใน 30 วัน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้ประชุมปรึกษาพิจารณาคดีกรณีประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งความเห็นของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวม 2 คำร้อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 148 วรรค 1 ว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่

ศาลรัฐธรรมนูญแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติ ซึ่งผลการลงมติศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า คดีนี้ไม่มีประเด็นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเกี่ยวกับข้อความหรือเนื้อหาสาระของร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้แต่อย่างใด ทั้งไม่มีประเด็นเกี่ยวกับความผิดทางอาญา หรือทางจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนใด คงมีประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญจะต้องพิจารณาวินิจฉัยเฉพาะเรื่องกระบวนการตราร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้เท่านั้น ส่วนบุคคลใดจะต้องรับผิด รับโทษอย่างไรหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องไปดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป


ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากวินิจฉัยว่า การกระทำโดยไม่สุจริตใช้สิทธิออกเสียงลงมติแทนผู้แทน ที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมอยู่ด้วยนั้น เป็นการละเมิดหลักการพื้นฐานของการเป็น ส.ส.ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่โดยไม่อยู่ในอาณัติมอบหมายของผู้ใด และต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ ซึ่งการออกเสียงลงคะแนนจะกระทำแทนกันไม่ได้ แต่การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ 2563 ในวาระ 2 และวาระ 3  ที่ปรากฎการแสดงตนลงมติของนายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ที่รับเองว่าตนไม่ได้อยู่ในที่ประชุม  แต่มีการใช้บัตรลงคะแนนแทน ย่อมเป็นผลให้การออกเสียงลงคะแนนไม่สุจริต และทำให้ร่างกฎหมายดังกล่าวไม่สอดคล้องกับหลักนิติธรรมและไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ  

ทั้งนี้คดีนี้ไม่มีประเด็นเกี่ยวกับข้อความอันเป็นสาระสำคัญของร่าง พระราชบัญญัติขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ แต่มีปัญหาเรื่องของกระบวนการตราร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้เท่านั้น ซึ่งข้อเท็จจริงในคดีนี้ปรากฏชัดว่าการพิจารณาออกเสียงลงมติในวาระที่ 1 ขั้นรับหลักการ และการพิจารณาของกรรมาธิการก่อนที่จะเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเรียงตามลำดับมาตราในวาระ 2 ได้ดำเนินการไปโดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญทุกประการ ถือได้ว่าเป็นขั้นตอนที่เสร็จสิ้นไปโดยสมบูรณ์ก่อนแล้ว นอกจากนี้ ยังมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนที่ประเทศชาติจะต้องได้กฎหมายฉบับนี้ไปช่วยแก้ปัญหาความล่าช้าและอุปสรรคในการเบิกจ่ายงบประมาณแผ่นดินอีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 74 บัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจกำหนดคำบังคับไว้ในคำวินิจฉัยได้ด้วย ซึ่งบทกฎหมายดังกล่าวนี้มิได้มีอยู่ในอดีต 

อาศัยอำนาจตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 74 ให้สภาผู้แทนราษฎรดำเนินการให้ถูกต้องเฉพาะในวาระที่ 2 และวาระที่ 3 และข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ แต่การพิจารณาลงมติในวาระที่ 1 และในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมาธิการก่อนนำเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาออกเสียงลงมติเรียงตามลำดับมาตราในวาระที่ 2 ซึ่งได้เสร็จสิ้นไปก่อนที่จะมีการกระทำอันไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ  จึงเป็นขั้นตอนที่ชอบและมีผลสมมบูรณ์ตามรัฐธรรมนูญแล้ว จากนั้นให้เสนอร่าง พ.ร.บ.ที่แก้ไขให้ถูกต้องดังกล่าวให้วุฒิสภาให้ความเห็นชอบเพื่อดำเนินการตามรัฐธรรมนูญต่อไป พร้อมมทั้งให้สภาฯ รายงานผลการปฏิบัติตามคำบังคับต่อศาลรัธรรมนูญภายใน 30 วันนับแต่วันที่ศาลมีคำวินิจฉัย


ส่วนคำร้องที่ประธานสภาฯ ส่งความเห็นของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 78 คนขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ นั้น เห็นว่าเหตุแห่งคำร้องดังกล่าวเป็นเหตุเดียวกันกับที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยไปในคดีนี้แล้ว กรณีไม่มีเหตุจำเป็นต้องรับไว้พิจารณาวินิจฉัยให้อีก จึงมีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย .-สำนักข่าวไทย     

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เร่งล่า 4 คนร้ายซุ่มยิงตำรวจ สภ.ยะรัง เสียชีวิต 2 นาย

เร่งล่า 4 คนร้ายซุ่มยิงตำรวจ สภ.ยะรัง เสียชีวิต 2 นาย ขณะที่ ผบ.ตร. อาลัยตำรวจกล้า สั่งต้นสังกัดดูแลสิทธิประโยชน์ เลื่อนเงินเดือนและชั้นยศ

นักโทษกลับใจ

อดีตนักโทษกลับใจ หลังติดคุก 30 ปี โทรคุยกับพ่อทั้งน้ำตา

อดีตนักโทษชีวิตโตมาในคุก ตั้งแต่อายุ 19 จนตอนนี้ อายุ 49 ปี ร่ำไห้กับตำรวจ ขอให้ช่วยพากลับบ้านที่จากมา 30 ปี ตำรวจโทรศัพท์หาพ่อ ให้ 2 พ่อลูกคุยกันทั้งน้ำตา

ตำรวจจีนพาผู้ต้องสงสัยฉ้อโกง 200 ราย กลับจากเมียนมา

พลเมืองจีน 200 รายที่ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกง ถูกส่งตัวจากเมืองเมียวดีในเมียนมากลับจีนแล้วเมื่อวานนี้ ภายใต้การคุ้มกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจจีน

เด็ก 12 สูบบุหรี่ไฟฟ้า-ดื่มน้ำกระท่อม ทำปอดหาย

ย่าช็อก หลานวัย 12 ปี อาการวิกฤติ ปอดหายเกือบทั้งหมด ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หลังสูบบุหรี่ไฟฟ้าและดื่มน้ำกระท่อมตั้งแต่ ป.4

ข่าวแนะนำ

บ่อนดังย่านดอนเมืองปิดเงียบ ขึ้นป้ายห้ามเข้าออก

บ่อนดังย่านดอนเมืองปิดเงียบ ขึ้นป้ายพื้นที่ส่วนบุคคลห้ามเข้าออก พบปิดกิจการตั้งแต่ 16 มี.ค.63 ขณะที่มีกล้องวงจรปิดติดตั้งโดยรอบ

ฮั้วเลือก สว.67

ประธานวุฒิสภา นำทีมแถลงด่วน โต้คดีฮั้วเลือก สว.67

ประธานวุฒิสภา นำทีมแถลงด่วน โต้คดีฮั้วเลือก สว.67 เชื่อเป็นเกมการเมือง หวังเกิดวิกฤต รธน. เพื่อรื้อใหม่ทั้งฉบับ ขู่ใช้ช่องทางกฎหมายกลับ หากทำเสียหาย-บั่นทอนความเชื่อมั่น เพื่อปกป้องศักดิ์ศรี จวก “ทวี” กล่าวหาอั้งยี่ ซ่องโจรทำวุฒิเสื่อมเสีย พร้อมเปิดเวทีซักฟอก

ไทยเข้าฤดูร้อน

กรมอุตุฯ ประกาศเข้าสู่ฤดูร้อนของไทย 28 ก.พ.68

กรมอุตุนิยมวิทยา เตือน 23-25 กุมภาพันธ์นี้ ไทยตอนบนอากาศแปรปรวน ภาคใต้ฝนตกหนัก ส่วนอ่าวไทยตอนล่างคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร พร้อมประกาศประเทศไทยจะเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการ 28 ก.พ.68 จนถึงกลางเดือน พ.ค.

“ไทย จีน เมียนมา” จับมือโชว์ภารกิจราบรื่น ส่งชาวจีนกลับประเทศ

“ไทย จีน เมียนมา” จับมือโชว์แสดงผลภารกิจราบรื่น ส่งชาวจีนเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับประเทศ 200 คน ปรับแผนจีนส่งเครื่องบินรับอีก 400 คน สองวันติด “ภูมิธรรม” เผยพร้อมเสนอนายกฯ เซ็นตั้ง ศปช.ส่วนหน้า ทำงานให้ชัดเจน มีกฎหมายรองรับผู้ปฏิบัติ ย้ำไทยไม่ตั้งศูนย์อพยพรองรับเหยื่อที่เหลือ แต่ประสานให้ต้นทางรับกลับทันที