พรุ่งนี้ กต.เตรียมถกอพยพคนออกจากอู่ฮั่น หรือไม่

กรุงเทพฯ 26 ม.ค.-รมว.ต่างประเทศเผยกำชับสถานเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ติดตามสถานการณ์โรคโคโรนาในอู่ฮั่นอย่างใกล้ชิด ยืนยันคนไทยยังปลอดภัยดี แต่ห่วงความเป็นอยู่หลังปิดเมือง เตรียมประชุมวางมาตรการดูแลต่อพรุ่งนี้ หลังจากเกิดกระแสข่าวเตรียมอพยพเคลื่อนคนไทยในอู่ฮั่นด้วยเครื่องบิน C130  ขณะที่กระทรวงคมนาคม เตรียม เครื่องบินพาณิชย์อพยพนักท่องเที่ยว


นายดอน ปรมัตวินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์  “สำนักข่าวไทย” ถึงการดูแลคนไทยในเมืองอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีน จากกรณีเชื้อไวรัสโคโรนาระบาดหนักว่า สถานเอกอัครราชทูตไทย และสถานกงสุลใหญ่ที่ประจำอยู่ทุกแห่งในประเทศจีนได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และตรวจสอบคนไทยที่อยู่ในเมืองนี้ทั้งนักศึกษาจำนวน 54 คน และคนที่ทำงาน 10 คน ยังปลอดภัยดี แต่ก็มีความเป็นห่วงว่าเมื่อจีนปิดเมือง และสถานการณ์ยืดเยื้อออกไป จะส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน ดังนั้นในวันพรุ่งนี้ (27 ม.ค.) จะหารือกับผู้แทนของสถานเอกอัครราชทูตไทย และสถานกงสุลใหญ่ที่ประจำอยู่ทุกแห่งในประเทศจีนผ่านระบบการสื่อสารผ่านทางไกลหรือเทเลคอนเฟอร์เรนซ์ เพื่อวางมาตรการในการดูแลต่อไป ทั้งนี้ในเบื้องต้นยังไม่มีรายงานว่าคนไทยต้องการอพยพกลับ เพียงแต่รับทราบว่าทุกคนปลอดภัย ดังนั้นการจะอพยพคนไทยหรือไม่ จะต้องรอดูสถานการณ์อีกระยะหนึ่ง ซึ่งได้ย้ำให้ทางสถานทูตและกงสุลใหญ่ดูแลคคนไทยที่จีนอย่างใกล้ชิด


ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายดอน ยังกล่าวย้ำกว่า เข้าใจสภาพความเป็นอยู่ เนื่องจากรับรู้ว่าเวลาเมืองปิด ไม่มีใครเข้า-ออก เป็นสภาวะที่อึดอัด และอาจจะกระทบด้านจิตใจ แต่ข้อสำคัญคือขณะนี้ต้อง ดูแลตัวเอง ป้องกันตัวเอง ไม่เข้าไปในชุมชน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า จากประสบการณ์โดยตรงกับโรคระบาดโรคซาร์ในอดีต เมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ประกอบการสั่งการของรัฐบาลจีนมีประสิทธิภาพ เชื่อว่าจีนจะสามารถควบคุมโรคได้   


ก.คมนาคม เตรียมประสานไทยสมายล์ รับคนไทยตกค้างในจีน   

 

ด้าน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงคมนาคมได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว หาก กระทรวงต่างประเทศ ประสานมายังคมนาคมเพื่อให้นำเครื่องบิน ของบริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) ไปรับคนไทยในประเทศจีนกลับ หนีการระบาดของโรคปอดอักเสบไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 โดยขั้นตอนก่อนที่จะไปรับคนไทยกลับมา รัฐบาลคงต้องมีการหารือร่วมกัน ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น กระทรวงต่างประทศ กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธาณสุข เพื่อเตรียมมาตรการรองรับ โดยเฉพาะต้องมีสถานที่และบุคลกรแพทย์ เพื่อให้คนไทยที่กลับมาพักเพื่อฝ้าระวังและสังเกตอาการ 

นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่หรือ ดีดี. บริษัท การบินไทยจำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่าได้รับแจ้งจากผู้บริหารสายการบินไทยสมายล์ (THAI Smile) ว่าได้รับการประสานงานจากกระทรวงการต่างประเทศให้เตรียมพร้อม อาจจะต้องมีการทำการบินไปรับคนไทยที่ตกค้างที่เมืองอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีน จากสถานการณ์ ไวรัสปอดอักเสบโคโรนา เบื้องต้นทราบว่ามีคนไทย ที่ตกค้างอยู่ประมาณ 100 คน ดังนั้นขนาดของเครื่องบินไทยสมายล์ จึงมีความเหมาะสมที่จะทำการบินในภารกิจดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตามยังไม่ได้รับคำยืนยันอย่างชัดเจน ว่าไทยสมายล์ หรือการบินไทย จะต้องทำการบินภารกิจ หรือจะเป็นภารกิจของกองทัพอากาศ เนื่องจากการจะทำการบินไปรับผู้โดยสารพิษตกค้างนั้น จะต้องมีการประสานงานทางการจีนเพื่อให้ได้ SLOTการบินที่ชัดเจน ทั้งเที่ยวบินขาไปและขากลับ เพื่อให้เกิดความราบรื่นในการปฏิบัติภารกิจ

นักศึกษาไทยในอู่ฮั่นขอความช่วยเหลือกลับไทย

จากข้อมูลเฟซบุ๊กของนักศึกไทย ในมหาวิทยาลัยอู่ฮั่น  Pasnicha Krutdamrongchai ได้โพสต์เรื่องราวชีวิต ในเมืองอู่ฮั่น ขณะนี้ว่า เราเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยอู่ฮั่น ขอแจ้งสถานการณ์จริงของแท้ ที่นักศึกษาส่วนใหญ่เป็นอยู่ ณ ตอนนี้ นักศึกษาส่วนใหญ่ไม่มีอาหารเพียงพอเพราะไม่ได้ซื้ออาหารกักตุนไว้ เนื่องจากได้รับแจ้งเรื่องการปิดเมืองกระทันหันมาก และไม่สามารถออกไปหาซื้อที่ไหนได้ เพราะเดินทางไปไหนไม่ได้ ร้านซุปเปอร์ใกล้มหาวิทยาลัยก็ขายหมดเกลี้ยงไม่มีอะไรเหลือ ตอนนี้เพื่อนนักศึกษาต่างชาติ เช่น อเมริกา ญี่ปุ่น อินโด เขาได้รับแจ้งว่าทางสถานทูตของเขาได้เตรียมดำเนินการเพื่อจะรับตัวกลับแล้ว เราก็รอความช่วยเหลือจากรัฐบาลไทยอยู่ ถ้ายังอยู่ต่อ ไม่รู้ว่าจะอดอาหารตาย หรือติดเชื้อตาย อยากกลับบ้านมาก รอด้วยความหวัง ด้วยความเคารพ #ไวรัสโคโรนา #ไวรัสอู่ฮั่น 

สถานทูตไทยในจีน ขอให้คนไทยติดตามข่าวสารต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน ประกาศสถานเอกอัครราชฑูตไทย ประจำกรุงปักกิ่ง ได้ออกประกาศย้ำว่า ขอให้ชาวไทยในสาธารณรัฐประชาชนจีนที่อาศัยอยู่ในนครอู่ฮั่นและพื้นที่โกล้เคียง ติดตามและปฏิบัติตามคำแนะนำของหน่วยงนกางการของจีนอย่างเคร่งครัด และเพิ่มความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด หรือสถานที่ที่มีมลภาวะเป็นพิษ ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น รักษาร่างกายให้อบอุ่นเสมอ หากมีอาการเริ่มป่วย เช่น ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจติดขัด ขอให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจสอบอาการโดยทันที  2 ขอให้ติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติตต่ออย่างไกล้ชิด โดยสามารถติตตามข้มูลเพิ่มเติมได้จาก website ของคณะกรรมาธิการด้านสาธารณสุขแห่งชาติ สาธารณรัฐประชาชนจีน  3  ขอให้ชาวไทยที่ทำพักอาศัยอยู่ในอู่ฮั่นหรือมณฑลหูเป่ย์ในขณะนี้ ลงทะเบียนแจ้งชื่อและข้อมูลการติดต่อ โดยสแกนQR Code ที่อยู่ด้านล่างของประกาศฉบับนี้ 4. กรณีเหตุฉุกเฉิน สามารถติตต่อสถานเอกอัครราชทูต ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 157-2731-2531 .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง