ป.ป.ส.25 ม.ค.-ป.ป.ส.แจงกรณีพบยาบ้า 94,000 เม็ด ซุกกันชนรถประมูล ป.ป.ส. ยอมรับเกิดจากความไม่ละเอียดรอบคอบและการซุกซ่อนอำพรางอย่างมิดชิดของผู้ค้า
นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 5 (สำนักงาน ปปส.ภ.5) ได้รับแจ้งจากผู้ชนะการประมูลขายทอดตลาดรถยนต์จากการยึดทรัพย์ผู้ค้ายาเสพติดว่าได้นำรถยนต์คันดังกล่าวไปซ่อมสีที่อู่ใน จ.เชียงใหม่และช่างที่อู่พบว่ามียาบ้าซุกซ่อนอยู่ในกันชนหลังรถยนต์จำนวนมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่สำนักงาน ปปส.ภาค 5 เข้าไปตรวจสอบแล้ว พบยาบ้ารวม 94,000 เม็ดจริง ว่า ก่อนอื่นต้องขออภัยในสิ่งที่เกิดขึ้น และขอขอบคุณที่ทั้งเจ้าของรถยนต์ผู้ชนะการประมูลและช่างซ่อมรถยนต์ ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบในทันทีที่พบว่ามียาเสพติดซุกซ่อนอยู่ในกันชนหลังของรถยนต์คันดังกล่าว
พร้อมชี้แจงว่าสำหรับรถยนต์คันดังกล่าว พนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ. มาตรการปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2534 ได้มีคำสั่งตรวจสอบทรัพย์สินในคดีที่ สภ.แม่จัน จ.เชียงราย ได้จับนายวรกันต์ วังคีรีและนายศรัณย์ภัทร เยอเบาะ เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2562 พร้อมของกลางยาบ้า 100,000 เม็ด ซึ่งบรรจุในถุงวางไว้ที่เบาะหลังของรถยนต์คันดังกล่าว โดยไม่มีการซุกซ่อนอำพรางแต่อย่างใด
ต่อมาเลขาธิการ ป.ป.ส.มีคำสั่งยึดรถยนต์ดังกล่าว เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2562 และพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบได้รับรถยนต์คันดังกล่าวมาเก็บรักษา เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2562 จนกระทั่งได้ขออนุมัติและนำออกขายทอดตลาด เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา
เลขาธิการ ป.ป.ส.ชี้แจงเพิ่มเติมว่า โดยปกติตามแนวทางปฏิบัติจะมีการตรวจค้นภายในรถยนต์ซ้ำอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งในกรณีรถยนต์คันดังกล่าว ก็มีการดำเนินการแต่ไม่พบยาเสพติดเพิ่มเติม เพราะมีการซุกซ่อนอย่างมิดชิด อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ถือเป็นบทเรียนที่ดี ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทั้งผู้จับและผู้ตรวจสอบทรัพย์สินจะต้องใช้ความละเอียดรอบคอบให้มากขึ้นในการตรวจค้น
สำหรับยาบ้าที่พบเพิ่มเติมจะถูกยึดเป็นของกลาง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดี สภ.แม่จัน จ.เชียงราย จะดำเนินการตามขั้นตอนในการดำเนินคดีต่อไป ส่วนผู้ชนะการประมูลเจ้าของรถยนต์คันดังกล่าวและช่างซ่อมรถก็ถือได้ว่าเป็นผู้ให้เบาะแส ซึ่งตามระเบียบของทางราชการก็มีเงินรางวัลตอบแทน ซึ่งได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สำนักงาน ปปส.ภ. 5 ได้ประสานดำเนินการตามระเบียบต่อไป.-สำนักข่าวไทย