จ.สกลนคร 18 ธ.ค.-ป.ป.ส.พบจำนวนผู้เสพและผู้ป่วยจากการเสพกัญชาเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ป่วยเพิ่มขึ้น100 เท่า หลังมีการผ่อนปรนให้ใช้กัญชาทางการแพทย์ เร่งเดินหน้าสร้างความเข้าใจกับประชาชน พร้อมประสานทุกภาคส่วนร่วมขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์กัญชาให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส. ) ซึ่งเดินทางมาตรวจเยี่ยมการผลิตกัญชาทางการแพทย์ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาที่ได้รับอนุญาตให้ปลูก มีระบบการดูแลอย่างเข้มงวดตามมาตรฐานของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด โดยมีการสร้างรั้วรอบขอบชิดรอบพื้นที่ปลูก 500 ตารางเมตร ควบคุมบุคคลเข้าออกและควบคุมผลผลิต รวมทั้งติดตั้งกล้องวงจรปิดดูแลความปลอดภัยตลอด24ชั่วโมง
โดยผลผลิตที่ได้ส่งให้กับ รพ.พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ซึ่งได้ผลผลิตล็อต แรก ส่งให้กับโรงพยาบาลแล้ว จำนวน 400 กิโลกรัม เป็นส่วนของใบและดอก เพื่อใช้เข้าตำรับยาสำหรับยา 4 ตำรับแรก ที่โรงพยาบาลผลิต ส่วนรากลำต้นและแกนที่เหลืออีกประมาณ 800 กิโลกรัมได้ทำบันทึกไว้ รอกรมการแพทย์เตรียมนำไปใช้ประโยชน์ในตำรับยาอื่นๆต่อไป
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวถึงสถานการณ์กัญชาหลังจากมีการผ่อนปรนให้ใช้กัญชาทางการแพทย์ มาตั้งเต่กลางปี จนถึงขณะนี้ ว่า โดยภาพรวม มีความก้าวหน้าที่ชัดเจนในส่วนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีความตื่นตัว ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมทั้งพัฒนาสายพันธุ์เพื่อตอบโจทย์ ความต้องการใช้ของผู้ป่วย ซึ่งหน่วยงานที่ได้รับอนุญาตให้ปลูกและผลิตยาที่มีส่วนผสมของกัญชา จากการติดตามตรวจสอบพบว่ามีการควบคุมและดำเนินการตามมาตรฐานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่มีปัญหา แต่ในทางกลับกัน กลับพบว่าในส่วนของประชาชนเมื่อมีการผ่อนปรนให้ใช้ทางการแพทย์ ก็ได้มีการสั่งซื้อกัญชาหรือน้ำมันกัญชาจากตลาดมืดมาใช้เพิ่มขึ้นด้วยความเข้าใจผิดว่าสามารถใช้ได้อย่างเสรี ทั้งๆที่กัญชายังคงเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 เหมือนเดิม ส่งผลให้หลังการผ่อนปรนให้ใช้กัญชาทางการแพทย์มาประมาณครึ่งปีเศษ มีการจับกุมคดีเกี่ยวกับกัญชาเพิ่มมากขึ้นกว่าช่วงยังไม่มีการผ่อนปรน โดยเฉพาะกลุ่มผู้เสพและครอบครองกัญชา ส่งผลให้ตัวเลขประมาณการจำนวนผู้เสพยาเสพติด ปี2562 เพิ่มขึ้นถึง1.3 แสนราย และเกือบ100เปอร์เซ็นต์ของจำนวนผู้เสพที่เพิ่มขึ้นนี้ เป็นกลุ่มเสพกัญชา
นอกจากนี้จากการประสานงานกับกลุ่มพิษวิทยา พบตัวเลขผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาตัวจากการใช้กัญชาเกินขนาดเพิ่มมากขึ้นเป็น100เท่าตัว ขณะที่สถิติการจับกุมกัญชาจากตัวเลขระยะ 5 ปีที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ไม่เปลี่ยนแปลงมากนักโดยมีการจับกุมได้ของกลางเฉลี่ยปีละ 20-30 ตันแต่ระยะหลัง จากการข่าวพบว่าเริ่มมีการส่งกัญชาเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อผลิตสารสกัดกัญชาในประเทศไทย ก่อนจะส่งออกไปยังประเทศ ที่สามเนื่องจากในตลาดมืดให้การยอมรับเริ่องฤทธิ์ของกัญชาไทย
“ดังนั้นจึงอยากให้ประชาชนเข้าใจว่ากัญชายังคงเป็นยาเสพติดที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทการใช้ด้วยวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ก็ต้องปรึกษาแพทย์ไม่สามารถใช้ได้ด้วยตนเองเพราะยังเป็นสิ่งผิดกฎหมาย โดยสิ่งสำคัญสูงสุดคือทั้งหน่วยงานป.ป.ส.รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องช่วยกันสร้างความรับรู้ความเข้าใจให้กับภาคประชาชนเพื่อลดปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อให้การผ่อนปรน การใช้กัญชาทางการแพทย์เกิดประโยชน์และประสิทธิภาพสูงสุดต่อประชาชน” เลขาธิการ ป.ป.ส.กล่าว .-สำนักข่าวไทย