อ่างทอง 24 ม.ค. – เกษตรกร จ.อ่างทอง หลายพื้นที่ยังมีการลักลอบเผาตอซังข้าวกลางดึก แม้จะมีประกาศห้ามเผาในที่โล่งแจ้ง ส่งผลให้ค่าฝุ่น PM 2.5 พุ่งถึงโซนเฝ้าระวังอีกครั้ง ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมดำเนินการขั้นเด็ดขาด
ไฟที่ลุกโชนกลางท้องนาใน จ.อ่างทอง เกิดจากการเร่งจุดไฟเผาตอซังข้าวและฟางข้าว เพื่อเตรียมพื้นที่ทำนาปลูกข้าวในฤดูกาลเพาะปลูก ส่งผลให้มีฝุ่นควันลอยปกคลุมหนาทึบทั่วบริเวณ บางจุดมีเศษขี้เถ้าลอยปลิวตามกระแสลม เป็นควันพิษกระทบสุขภาพคนในพื้นที่
ลุงเชิด อายุ 64 ปี เล่าว่า ปัญหาฝุ่นควันมีให้เห็นทุกวัน กระทบต่อสุขภาพ แสบจมูก หายใจติดขัด ส่วนหนึ่งมาจากการเผาตอซังข้าวในแปลงนา แม้จะมีประกาศเตือนจากหน่วยงานราชการ แต่ไม่เป็นผล ยังมีผู้ลักลอบเผาอย่างต่อเนื่อง
จากการตรวจสอบข้อมูลคุณภาพอากาศ พบว่า ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 พื้นที่ จ.อ่างทอง อยู่ในโซนต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ประชาชนต้องสวมหน้ากากอนามัย เมื่อต้องออกไปทำธุระ หรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง
ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง ออกมาตรการเข้ม ประกาศห้ามเผาวัชพืช ขยะมูลฝอยในที่โล่ง พร้อมรณรงค์ให้เกษตรกรหยุดเผา เพื่อลดปัญหามลพิษหมอกควัน ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา แต่ยังมีการฝ่าฝืนเผาพื้นที่การเกษตร โดยเฉพาะการเผาตอซังข้าว ที่มักจะลักลอบเผาช่วงเย็นถึงเช้ามืด
มาตรการลงโทษผู้ฝ่าฝืน มีความผิดฐานกระทำให้เกิดเพลิงไหม้ จนเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์สินผู้อื่น โทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หากทำให้เกิดไฟไหม้สถานที่สำคัญ มีโทษถึงประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 5-20 ปี ส่วนความผิดตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข การกระทำที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ฝ่าฝืนคำสั่งห้ามของเจ้าหน้าที่ จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 25,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากพบมีผู้กระทำผิดฝ่าฝืนจะดำเนินคดีตามกฎหมายทันที. – สำนักข่าวไทย