กรุงเทพฯ 23 ม.ค. – อธิบดีกรมชลประทานสั่งการด่วนแก้ปัญหาน้ำเค็มรุกทะเลสาบสงขลา จัดหาแหล่งน้ำธรรมชาติช่วยเหลือพื้นที่เกษตร ย้ำตรวจวัดค่าความเค็มทุกวัน เฝ้าระวังไม่ให้เกิดผลกระทบต่อพืชผลและระบบนิเวศ
นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวถึงสถานการณ์น้ำเค็มรุกทะเลสาบสงขลาว่า ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมหาแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งที่ประชุมมีมติให้กรมชลประทานสำรวจหาแหล่งน้ำธรรมชาติอำเภอระโนดและพื้นที่ใกล้เคียง พร้อมเตรียมเครื่องจักร-เครื่องมือเพื่อเปิดทางนำน้ำจากคลองธรรมชาติมาช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรอย่างเร่งด่วน
ทั้งนี้ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาระโนด-กระแสสินธุ์ได้สำรวจแหล่งน้ำธรรมชาติในพื้นที่แล้วพบว่า น้ำในคลองโพธิ์ คลองบ้านขาว คลองมาบกำ คลองล่องลม คลองคูวา และคลองเขตมีค่าความเค็มอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถนำมาใช้เพื่อการเกษตรได้ แต่ต้องตรวจวัดค่าความเค็มทุกวัน เนื่องจากเป็นคลองสาขาแยกมาจากป่าพรุทะเลน้อย ปัจจุบันสามารถช่วยเหลือพื้นที่ได้ประมาณ 19,000 ไร่ น้ำในคลองต่าง ๆ มีระดับเฉลี่ยประมาณ 50 เซนติเมตร เมื่อสูบไปใช้ต้องคงรักษาระดับน้ำไม่ให้ต่ำกว่า 30 เซนติเมตร เพื่อรักษาระบบนิเวศ ไม่ให้ค่าความเค็มเกินเกณฑ์และป้องกันตลิ่งทรุด ซึ่งโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาระโนด-กระแสสินธุ์ จะทำการตรวจวัดค่าความเค็มเป็นประจำทุกวัน หากมีค่าความเค็มรุกเข้ามาในคลองธรรมชาติสูงขึ้นเกินกว่า 1.5 กรัมต่อลิตจะหยุดสูบน้ำทันที
นายทองเปลว กล่าวต่อว่า ได้ประสานขอความร่วมมือไปยังประธานคณะกรรมการจัดการน้ำชลประทาน (JMC) ชะอวด-แพรกเมือง เพื่อขอใช้น้ำจากคลองชะอวด-แพรกเมือง ซึ่งมีระดับน้ำสูงกว่าระดับเก็บกัก โดยผันน้ำเข้ามาในเขตตำบลบ้านขาว ตำบลตะเครียะ คลองแดน และแดนสงวน อำเภอระโนด เพื่อลดการใช้น้ำจากป่าพรุทะเลน้อย ซึ่งจะสามารถช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรระยะเร่งด่วนรวมทั้งหมดประมาณ 60,000 ไร่ โดยย้ำให้เร่งช่วยเหลือพื้นที่ที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำให้กลับสู่สภาวะปกติเร็วที่สุด อีกทั้งระมัดระวังไม่ให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศของป่าพรุทะเลน้อยด้วย.-สำนักข่าวไทย