ทำนาริมทะเล รักษาภูมิปัญญาบรรพบุรุษ

พัทลุง 12 ก.ค. – ชาวพัทลุงลงแขกดำนาริมทะเล รักษาภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ ปีนี้ริมทะเลสาบอุดมสมบูรณ์มากสุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา คาดได้ผลผลิตมากกว่าทุกปี ทั้งยังเป็นสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาสัมผัส


บริเวณแปลงนาริมทะเลสาบสงขลา ฝั่งจังหวัดพัทลุง โรงเรียนวัดปากประ หมู่ 8 ต.ลำปำ อ.เมือง จ.พัทลุง จัดกิจกรรมลงแขกดำนา ทำนาริมทะเล เป็นกิจกรรมต่อเนื่องจากโครงการส่งเสริมภูมิปัญญาทำนาริมทะเลเพื่อการท่องเที่ยว ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง โดยมีนายพา ผอมขำ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง เจ้าหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง และประชาชนในพื้นที่ เข้าร่วมกิจกรรมลงแขกดำนา โดยใช้ต้นกล้าปักดำลงบนดินที่จมอยู่ใต้ทะเลสาบริมฝั่ง ซึ่งเป็นดินโคลน

กิจกรรมดังกล่าวได้เริ่มหว่านข้าวมาตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ต้นกล้าโตเจริญงอกงาม พร้อมปักดำ จึงร่วมกันลงแขกปักดำต้นข้าว ทำนาริมทะเลกันในวันนี้ ซึ่งถือเป็นวันแรกของการเริ่มฤดูกาลทำนาข้าวริมทะเลสาบในปีนี้ โดยนำนักเรียนโรงเรียนวัดปากประ และนักเรียนโรงเรียนพัทลุง เรียนรู้ประสบการณ์จริงถึงภูมิปัญญาการทำนาริมทะเล ช่วยสร้างจิตสำนึกรักษ์ถิ่น พร้อมเป็นการสร้างความสมดุลของระบบนิเวศริมทะเลสาบสงขลา ในการทำนาริมทะเลที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นที่บรรพบุรุษได้สร้างไว้ และเป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนทำนาริมทะเล รวมทั้งเป็นการอนุรักษ์สิ่งดีงามที่ทรงคุณค่าสู่คนรุ่นหลังอย่างภาคภูมิและยั่งยืน


สำหรับวิถีทำนาในทะเลสาบ หนึ่งเดียวของไทย โดยชาวประมงริมทะเลสาบสงขลา ฝั่งจังหวัดพัทลุง ส่วนใหญ่มีอาชีพหลัก คือ การออกเรือหาปลา เนื่องจากบ้านเรือนตั้งอยู่ริมทะเลสาบสงขลา คิดค้นหาวิธีการเพาะปลูกพืชในทะเลสาบ หรือริมฝั่งริมทะเลสาบ เพื่อให้มีผลผลิตเลี้ยงครอบครัว มาตั้งแต่บรรพบุรษ คิดค้นการทำนาข้าวในทะเลสาบ โดยใช้พื้นที่ริมชายฝั่งทะเลสาบที่เป็นดินโคลน เหมาะสำหรับปลูกต้นข้าวทอดยาวตามแนวชายฝั่งเกือบ 10 กิโลเมตร มาทำการเพาะปลูก โดยแต่ละปีจะทำนาข้าวลักษณะนี้ได้เพียงครั้งเดียว ตั้งแต่ช่วงเริ่มปักดำเดือนมิถุนายน และเก็บเกี่ยวปลายเดือนกันยายนของทุกปี ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ทะเลสาบบริเวณดังกล่าวมีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา ชาวบ้านจึงได้ทำนาข้าวในทะเลสาบตามแนวชายฝั่งประมาณ 10 กิโลเมตร แต่ละแปลงจะทำนาจากชายฝั่งลงไปในทะเลประมาณเกือบ 30 เมตร ซึ่งเป็นแห่งเดียวของประเทศไทยที่ทำนาในทะเลสาบ

เหตุผลที่เลือกทำนาในช่วงเวลานี้ เพราะน้ำในทะเลสาบจะเป็นน้ำกร่อย และเป็นช่วงน้ำลงมากที่สุด หากเกินช่วงเวลาดังกล่าวจะไม่ได้ผลผลิต เพราะน้ำทะเลจะหนุนสูงท่วมต้นข้าวเสียหาย สำหรับการเพาะปลูกข้าวที่นี่ ต้องหาพันธุ์ข้าวที่ลำต้นแข็งแรง มีรากลึก และต้นข้าวเมื่อเจริญเติบโตแล้วต้องมีความสูง และสามารถต้านทานกับสภาพแรงลมและคลื่นขนาดเล็กที่ซัดเข้าหาฝั่งได้ ชาวบ้านจึงนิยมใช้พันธุ์ข้าว กข 55 และพันธุ์ข้าวหอมราชินี

ขณะเดียวกัน การทำนาริมทะเลสาบบริเวณดังกล่าว กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่แต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมาถ่ายภาพต้นข้าวที่กำลังเจริญเติบโตเขียวขจี กับบรรยากาศท้องทะเลยามเช้าที่มีพระอาทิตย์โผล่ขึ้นจากผืนน้ำ อีกทั้งเมื่อถึงช่วงรวงข้าวสุกเหลืองอร่าม ก็จะสวยงามเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวและช่างภาพ. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

แอปฯ “ล่าเหรียญ” ฟีเวอร์ ทำชาวบ้านเดือดร้อน

แอปพลิเคชัน “Jagat” ฟีเวอร์ ทำวัยรุ่นว้าวุ่น แห่ล่าเหรียญแลกเงินที่กระจายอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ทำชาวบ้านและผู้ประกอบการเดือดร้อน ตำรวจเตือนการแชร์พิกัดตำแหน่งอาจเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพเฝ้าติดตามและฉวยโอกาสขโมยทรัพย์สินได้ และอาจเสี่ยงเจอข้อหาบุกรุก

ญาติเชื่อพระมรณภาพก่อนถูก “เจ้าจอร์จ” กัดแทะ

ญาติมั่นใจหลวงพี่มรณภาพด้วยโรคประจำตัว ก่อนถูกสุนัขพันธุ์อเมริกันบูลลี่ที่เลี้ยงไว้ในกุฏิกัดแทะร่างเพราะความหิว วอนอย่าโยนบาปให้สุนัข