พัทลุง 20 พ.ค. - “เฉลิมชัย” ติดตามแผนอนุรักษ์โลมาอิรวดีฝูงสุดท้ายในทะเลสาบสงขลา ย้ำการอนุรักษ์ต้องดำเนินการควบคู่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างสมดุล
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่ติดตามแผนอนุรักษ์โลมาอิรวดีในทะเลสาบสงขลา พร้อมตรวจเยี่ยมจุดก่อสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา ฝั่งจังหวัดพัทลุง ย้ำแนวทางพัฒนาและอนุรักษ์ต้องเดินควบคู่ เพื่อสร้างความยั่งยืนให้ทั้งระบบนิเวศและเศรษฐกิจท้องถิ่น
นายเฉลิมชัย พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงฯ และผู้บริหารกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เดินทางไปยังเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลหลวง จังหวัดพัทลุง ร่วมกิจกรรมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ ฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของทะเลสาบ เยี่ยมชมนิทรรศการ และรับฟังรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานในพื้นที่ โดยมีนายธราวุธ ช่วยเกิด รองผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง กล่าวต้อนรับ และนายเผด็จ ลายทอง รองอธิบดี ทช. รายงานข้อมูลสถานการณ์โลมาอิรวดีและความก้าวหน้าโครงการที่เกี่ยวข้อง


รมว.ทส. กล่าวว่า โลมาอิรวดีเป็นโลมาน้ำจืด 1 ใน 5 ชนิดของโลก และเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ปัจจุบันในทะเลสาบสงขลาพบประชากรเหลือเพียง 17 ตัว และได้รับการประเมินจาก IUCN ให้อยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์ขั้นวิกฤต โดยเฉพาะกลุ่มประชากรในแหล่งน้ำจืดที่มีความเสี่ยงสูงสุด กระทรวงฯ จึงเร่งขับเคลื่อน “แผนอนุรักษ์โลมาอิรวดีทะเลสาบสงขลา” พ.ศ. 2567–2576 เพื่อลดภัยคุกคาม ฟื้นฟูระบบนิเวศ และส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนควบคู่กัน
นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดี ทช. ระบุว่า สาเหตุหลักที่ทำให้โลมาอิรวดีตายในพื้นที่คือเครื่องมือประมง คิดเป็น 68.6% ของกรณีทั้งหมด รองลงมาคือมลพิษ ความตื้นเขิน และปริมาณสัตว์น้ำที่ลดลง กรมฯ ได้ประกาศพื้นที่คุ้มครอง ห้ามใช้เครื่องมือประมงอันตราย และใช้ระบบติดตามประชากรอย่างต่อเนื่อง พร้อมผลักดันมาตรการเชิงระบบเพื่ออนุรักษ์อย่างยั่งยืน
ในโอกาสนี้ รมว.ทส. ได้ลงพื้นที่จุดเริ่มต้นโครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลาฝั่งจังหวัดพัทลุง ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงคมนาคมและ ทส. โดยมีเป้าหมายลดระยะทางสัญจรจาก 80 กิโลเมตร เหลือเพียง 7 กิโลเมตร เพื่อเชื่อม ต.เกาะใหญ่ อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา กับ ต.จองถนน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง

ทั้งนี้ นายเฉลิมชัย เน้นย้ำให้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต้องไม่กระทบระบบนิเวศ และให้นำผลการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) มาเป็นเงื่อนไขสำคัญในการดำเนินงาน พร้อมสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้โลมาอิรวดีบริเวณต้นทางสะพาน เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลและจุดรวมพลังความร่วมมือของชุมชน พร้อมเน้นย้ำให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันปกป้อง “โลมาอิรวดี” ซึ่งเปรียบเสมือน ลมหายใจสุดท้ายในผืนน้ำทะเลสาบสงขลา ให้คงอยู่เป็นสมบัติของแผ่นดินต่อไป. -512– สำนักข่าวไทย