กรุงเทพฯ 20 ม.ค. –ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ รายงานผลประกอบการในปี 2562 โดยมีกำไรสุทธิสูงถึง 32.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง 32.0% จากปี 2561 โดยปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย และการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจากการเติบโตของเงินให้สินเชื่อที่แข็งแกร่งที่ 8.7%
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ สรุปผลประกอบการและฐานะการเงินที่สำคัญสำหรับปี 2562 มีกำไรสุทธิ จำนวน 32.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.0% จากปี 2561 (หากไม่รวมรายการพิเศษที่บันทึกในปี 2562 ธนาคารมีกำไรสุทธิจากการดำเนินธุรกิจปกติจำนวน 26.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.6% จากปี 2561)
ด้านการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ เพิ่มขึ้น 8.7% หรือจำนวน 146 พันล้านบาท จาก ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2561 เงินให้สินเชื่อมีการเติบโตครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ โดยมีสินเชื่อเพื่อรายย่อยเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนหลัก ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นที่ 11.1% สะท้อนตำแหน่งผู้นำทางการตลาดของกรุงศรีในธุรกิจสินเชื่อเพื่อรายย่อย ขณะที่สินเชื่อเพื่อธุรกิจเพิ่มขึ้น 6.6%
การเติบโตของเงินรับฝาก เพิ่มขึ้น 9.9% หรือจำนวน 141 พันล้านบาท จาก ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2561 ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM): อยู่ที่ 3.60% ปรับลดลงจาก 3.81% ในปี 2561 รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญที่ 31.9% จากปี 2561 ปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากการบันทึกกำไรจากการขายหุ้นของบริษัท เงินติดล้อ จำกัด และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสีย อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ อยู่ที่ 42.9% ปรับดีขึ้นจาก 47.2% ในปี 2561 (หากไม่รวมรายการพิเศษที่บันทึกในปี 2562 อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินธุรกิจตามปกติของปี 2562 อยู่ที่ 45.1%)
สำหรับสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) อยู่ที่ 1.98% ปรับดีขึ้นจาก 2.08% ในปี 2561 อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้: ยังคงแข็งแกร่งที่ 163.8% อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง: อยู่ที่ระดับ 16.56%
นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้ว่าสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจไม่เอื้ออำนวย ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของธนาคาร กรุงศรีสามารถรายงานกำไรสุทธิจำนวน 32.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.0% จากปีก่อนหน้า และสามารถขยายสินเชื่อได้ถึง 8.7% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายของธนาคารที่ 6 – 8% การเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2562 สะท้อนความสามารถและความคล่องตัวของธนาคารในการปรับพอร์ตสินเชื่อไปสู่กลุ่มลูกค้าธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนสูง และสอดคล้องกับเป้าหมายโครงสร้างพอร์ตสินเชื่อเพื่อรายย่อยและสินเชื่อเพื่อธุรกิจในสัดส่วน 50:50 ตามเป้าหมายระยะกลางของธนาคาร
นายอาคิตะให้ความเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มธุรกิจโดยรวมในปี 2563 ว่า เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น แม้ว่าจะยังคงเผชิญปัญหาความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์และความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างประเทศ แต่ด้วยนโยบายการเงินที่ยังคงผ่อนคลายและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล การเร่งเบิกจ่ายการลงทุนของภาครัฐจะช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอยู่ในระดับ 2.5% ในปี 2563 กรุงศรีจึงตั้งเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อสำหรับปี 2563 ที่ 5 – 7% ด้วยนโยบายการบริหารความเสี่ยงที่มีความรอบคอบระมัดระวัง
ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 กรุงศรี ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าในระบบเศรษฐกิจไทยจากมูลค่าสินทรัพย์ สินเชื่อและเงินฝาก และเป็นหนึ่งในห้าสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบ (D-SIB) มีสินเชื่อรวม 1.82 ล้านล้านบาท เงินรับฝาก 1.57 ล้านล้านบาท และสินทรัพย์รวม 2.36 ล้านล้านบาท ขณะที่เงินกองทุนของธนาคารอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 267.01 พันล้านบาท หรือเทียบเท่า 16.56% ของสินทรัพย์เสี่ยง โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นของเจ้าของคิดเป็น 11.89% . – สำนักข่าวไทย