คาดปี 63 เงินทุนไหลออกจากตราสารหนี้ไทยกว่า 80,000 ล้านบาท

กรุงเทพฯ 16 ม.ค. – สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยมองเศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยง และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลยังอยู่ในขาลง ส่งผลให้ปี 63 มีโอกาสเงินทุนไหลออกจากตราสารหนี้ไทยไม่ต่ำกว่า 80,000 ล้านบาท 


นายธาดา พฤฒิธาดา กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย คาดการณ์แนวโน้มตลาดตราสารหนี้ไทยปี 2563 ว่า บริษัทเอกชนไทยยังต้องการระดมทุนผ่านการออกหุ้นกู้ระยะยาวอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีการออกหุ้นกู้ระยะยาวประมาณ 850,000 – 920,000 ล้านบาท พร้อมมองว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในช่วงไตรมาสแรก ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นลดลงตาม ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาว 10 ปี ทำระดับต่ำสุดในช่วงเปิดต้นปีมามีโอกาสปรับตัวดีขึ้นในกรอบแคบ หากสงครามการค้ามีแนวโน้มดีขึ้น 

ขณะที่แนวโน้ม Fund flow ปี 2563 มีโอกาสที่เงินทุนจะไหลออกจากตลาดตราสารหนี้ไทยใกล้เคียงกับปี 2562 หรือประมาณกว่า 80,000 ล้านบาท ตามภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังมีความเสี่ยง การที่ส่วนต่างผลตอบแทนพันธบัตรหรือบอนด์ยีลด์ไทยกับสหรัฐต่ำลงมาก และพันธบัตรจีนเพิ่มน้ำหนักในดัชนีกลุ่มพันธบัตรรัฐบาล-ตลาดเกิดใหม่ หรือ GBI-EM index 


ทั้งนี้ ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยปี 2562 ยังขยายตัวได้ร้อยละ 5.72 คิดเป็นมูลค่าคงค้างรวม 13.52 ล้านล้านบาท มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 87,755 ล้านบาทต่อวัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 โดยตราสารหนี้ภาคเอกชนมีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยใกล้เคียงกับปีก่อนหน้านี้ 4,710 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งการออกตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะยาวในปีที่ผ่านมาสามารถทำสถิติใหม่ที่ 1.08 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ24 จาก 3 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ อสังหาริมทรัพย์ ธนาคารพาณิชย์ เงินทุนและหลักทรัพย์ และกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ที่มียอดการออกพุ่งขึ้นกว่า 3 เท่า ส่วนตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะสั้นมีมูลค่าการออกลดลงโดยเฉพาะการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือตั๋ว PN 

ส่วนการลงทุนจากต่างประเทศเป็นการไหลออกสุทธิ 84,452 ล้านบาท โดยเป็นการซื้อตราสารหนี้ระยะยาว และขายตราสารหนี้ระยะสั้นมูลค่าที่สูงกว่า ทำให้สิ้นปี 2562 ต่างชาติถือครองตราสารหนี้ไทย 911,779 ล้านบาท ลดลง 77,176 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 11.86 ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับลดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยบอนด์ยีลด์อายุตั้งแต่ 1 เดือนถึง 4 ปี อยู่ต่ำกว่าระดับดอกเบี้ยนโยบายที่ ร้อยละ 1.25 .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง