ทีมโฆษกพรรคเพื่อไทย แนะ รัฐบาลไม่ปิดกั้นคนวิ่งไล่ลุง

พรรคเพื่อไทย 13 ม.ค.- ทีมโฆษกพรรคเพื่อไทย แนะ รัฐบาลไม่ปิดกั้นคนวิ่งไล่ลุง ชี้ คนรุ่นใหม่ไล่ลุงจำนวนมาก เหตุ ไม่พอใจรัฐบาลสองมาตรฐาน แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้


นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกิจกรรมวิ่งไล่ลุงเมื่อวานนี้ (12 ม.ค.) ว่า ไม่ว่าจะวิ่งไล่ลุง หรือเดินเชียร์ลุง รัฐบาลต้องไม่สกัดกั้นประชาชน ใครอยากวิ่งไล่ลุง หรือเชียร์ลุงก็สามารถทำได้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ต้องวางตัวเป็นกลาง อำนวยความสะดวกให้ประชาชน รัฐบาลไม่ควรปลดย้ายข้าราชการฝ่ายปกครองโดยอ้างกรณีที่ในพื้นที่มีคนวิ่งไล่ลุงจำนวนมาก อย่ามองคนเห็นต่างเป็นศัตรู ยอมรับความเห็นต่างของประชาชน หากแก้ปัญหาไม่ได้ ก็ต้องเตรียมรับมือกับสารพัดม็อบ

นายอนุสรณ์ กล่าวถึงกรอบการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านว่ามี 4 กรอบด้วยกัน ประกอบด้วย กรอบที่ 1 การอภิปรายในความผิดที่สำเร็จแล้วและต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน กรอบที่ 2 อภิปรายเครือข่าย 3 ป. กรอบที่ 3 กลุ่มรัฐมนตรีที่เข้ามาใหม่แล้วทำให้ประเทศชาติเสียประโยชน์ กรอบที่ 4 กลุ่มที่เข้ามาแล้วกำกับการนโยบายที่ผิดพลาด พร้อมกันนี้ ยังเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แก้ปัญหาภัยแล้งอย่างเป็นรูปธรรม คนไทยอยากเห็นแผนการบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ 


ด้าน ร.อ.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกิจกรรมวิ่งไล่ลุงว่า สัดส่วนของคนรุ่นใหม่มีจำนวนมาก หากวิเคราะห์แล้วพบว่า น่าจะเกิดจากเงื่อนไขสำคัญ 3 ประการ คือ 1.ปัญหาสองมาตรฐานในสังคมไทยที่ฝ่ายรัฐบาลทำอะไรก็ไม่ผิด 2.ความล้มเหลวในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ทำให้ประชาชนยากจนลง คนไทยเป็นหนี้อันดับต้น ๆ ของโลก ทำให้คนวัยหนุ่มสาวสิ้นหวังกับเศรษฐกิจ และยังส่งผลให้คนตกงานมีจำนวนมาก ขณะที่ผู้ประกอบการก็ทยอยปิดกิจการ ซึ่งเป็นเงื่อนไขเดียวกับเงื่อนไขที่ทำให้เกิดกลุ่มคนเสื้อแดง และคนที่ทำให้เกิดเงื่อนไขก็เป็นคนเดิม ๆ 3.กลุ่มคนรุ่นใหม่ถูกปิดกั้นสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออก ทั้งการส่งเจ้าหน้าที่ไปประกบบุคคลเป้าหมายที่จะออกมาร่วมกิจกรรม การดิสเครดิตกิจกรรมว่าจะทำให้เกิดความแตกแยก การจัดม็อบชนม็อบ ดังนั้น การแก้ปัญหา คือ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะทำให้การเปลี่ยนผ่านประเทศเป็นไปด้วยความราบรื่น และให้คนที่มีความรู้ความสามารถมาบริหารประเทศ

น.ส.สรัสนันท์ อรรณนพพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กิจกรรมวิ่งไล่ลุงที่มีกลุ่มคนรุ่นใหม่เข้าร่วมจำนวนมากนั้น ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดี ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ไม่ใช่แค่ไม่พอใจของการเข้ามาของลุงเหล่านั้น แต่ไม่พอใจการแก้ปัญหาด้านต่าง ๆที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง และอีกไม่นาน ฝ่ายค้านก็จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งจะมีการอภิปรายไล่ลุงด้วยเช่นกัน จึงขอเปิดแฮชแท๊ก #อภิปรายไล่ลุง ในวันนี้ (13 ม.ค.) ส่วนปัญหาภัยแล้ง ส่วนตัวยังไม่เห็นมาตรการแก้ปัญหาที่เป็นรูปธรรมของรัฐบาล แม้จะมีรัฐมนตรีลงพื้นที่ แต่ก็เป็นแค่การขึ้นเฮลิคอปเตอร์ดูหน้างาน ไม่ได้สั่งงานหรือมาตรการที่ช่วยเหลือปัญหาภัยแล้งแต่อย่างใด แต่ยังสร้างภาระหน่วยงานที่ต้องคอยต้อนรับรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย              


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ลวงมาฆ่า จัดฉากเป็นอุบัติเหตุ หวังเงินประกัน 14 ล้าน

สุดโหด หนุ่มสกลนครถูกญาติตัวเองร่วมมือกับอดีตตัวแทนจำหน่ายประกัน ลวงมาฆ่า ก่อนจัดฉากเป็นอุบัติเหตุ หวังเงินประกัน พ.ร.บ.รถยนต์ 3 คัน รวม 14 ล้านบาท แต่บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถพบพิรุธ แจ้งตำรวจตรวจสอบ ก่อนออกหมายจับเบื้องต้น 4 คน

พระยันตระ

ปิดตำนาน “อดีตพระยันตระ” เสียชีวิตในวัย 73 ปี ที่สหรัฐ

“อดีตพระยันตระ” เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 73 ปี ที่วัดในสหรัฐอเมริกา ปิดตำนานอดีตพระภิกษุที่เคยมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดรูปหนึ่งของวงการสงฆ์ไทย

อดีตผู้บังคับบัญชา “ผู้กำกับโจ้” เผยสมัยเป็นลูกน้องไม่ใช่คนเกเร

อดีตผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดประวัติอดีตผู้กำกับโจ้ สมัยเป็นลูกน้องไม่ใช่คนเกเร เชื่อได้รับผลกรรมที่ทำแล้ว

ข่าวแนะนำ

Exclusive! เปิดห้องขังแดน 5 “อดีต ผกก.โจ้”

กรมราชทัณฑ์ เปิดห้องขัง แดน 5 ของ “อดีต ผกก.โจ้” ให้สังคมได้เห็นสภาพความเป็นจริงอีกด้าน พบด้านในยังรักษาพื้นที่ และข้าวของเครื่องใช้ของอดีต ผกก.โจ้ เอาไว้ เผื่อเจ้าหน้าที่จะเข้ามาเก็บหลักฐานเพิ่มเติม

รัฐบาลเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงละศีลอด เดือนรอมฎอน

รัฐบาลเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงละศีลอด เดือนรอมฎอน ปี ฮ.ศ. 1446 ขณะที่นายกรัฐมนตรี ร่วมส่งใจให้พี่น้องชาวมุสลิมตั้งจิตมุ่งมั่นปฏิบัติศาสนกิจถือศีลอด ในช่วงเวลาแห่งเดือนอันศักดิ์สิทธิ์

โผล่อีก 2 ราย! เหยื่อสาวแบงก์แอบถอนเงินลูกค้า

กรณีสาวแบงก์ แอบถอนเงินลูกค้า 8 ล้านบาท สารภาพเอาไปซื้อบ้าน-รถ และส่งลูกเรียนต่างประเทศ ล่าสุด เหยื่อโผล่แจ้งความเพิ่มอีก 2 ราย วงเงิน 2 ล้าน ยอดรวมเสียหายถึง 10 ล้านบาท