เตือนผู้เลี้ยงปลาระวังความเสียหายจากภัยแล้ง

กรุงเทพฯ 9 ม.ค. – กรมประมงหวั่นภัยแล้งรุนแรงและยาวนาน เสี่ยงส่งผลกระะทบต่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เตือนเกษตรกรเฝ้าระวัง หมั่นดูแลสัตว์น้ำอย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำของกรมประมงอย่างเคร่งครัด  


นายบรรจง จำนงศิตธรรม รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า ปี 2563 ประเทศไทยมีความเสี่ยงที่จะมีพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้งรุนแรงกว่าทุกปีที่ผ่านมา น้ำทั้งในแหล่งน้ำธรรมชาติและแหล่งน้ำชลประทานอาจลดน้อยลงและไม่เพียงพอต่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ อีกทั้งยังทำให้อุณหภูมิน้ำเกิดการเปลี่ยนแปลงสูงขึ้นด้วย ซึ่งเป็นสาเหตุให้สัตว์น้ำที่เกษตรกรเลี้ยงไว้เกิดความเครียด อ่อนแอ และตายได้ จึงส่งเจ้าหน้าที่ไปให้ให้คำแนะนำทางวิชาการแก่เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ สำหรับการเลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อดินควรพิจารณาว่ามีน้ำเพียงพอหรือไม่ หากน้ำน้อยให้ชะลอการเลี้ยงไปก่อน หากเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในหน้าแล้งควรคัดเลือกพันธุ์สัตว์น้ำที่มีความแข็งแรง 

จากฟาร์มผู้ผลิตที่ได้มาตรฐานและเชื่อถือได้และควรเริ่มต้นการเลี้ยงสัตว์น้ำที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและปล่อยสัตว์น้ำลงเลี้ยงที่ความหนาแน่นน้อยกว่าปกติ ปรับปรุงซ่อมแซมคันบ่อเพื่อป้องกันการรั่วซึมของน้ำ จัดทำร่มเงาให้สัตว์น้ำในบ่อเลี้ยง เลือกใช้อาหารสัตว์น้ำที่มีคุณภาพดี ลดปริมาณการให้อาหารสัตว์น้ำ จับสัตว์น้ำที่ได้ขนาดขึ้นจำหน่ายหรือบริโภคเพื่อลดปริมาณสัตว์น้ำภายในบ่อ งดเว้นการขนถ่ายสัตว์น้ำ หมั่นตรวจสุขภาพสัตว์น้ำอย่างสม่ำเสมอ กรณีมีสัตว์น้ำป่วยตายควรกำจัดโดยการฝังกลบหรือเผาเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค


ส่วนการเลี้ยงในกระชังควรเลือกแหล่งน้ำที่ตั้งกระชังที่มีระดับความลึกเพียงพอ เมื่อตั้งกระชังแล้วพื้นกระชังควรสูงจากพื้นน้ำไม่น้อยกว่า 50 เซนติเมตร เพื่อให้น้ำถ่ายเทได้สะดวกตลอดเวลา และไม่วางชิดกันจนหนาแน่นมากเกินไป เพราะจะไปขัดขวางการไหลของกระแสน้ำ ก่อนปล่อยสัตว์น้ำลงเลี้ยงในกระชัง ควรปรับสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะคุณสมบัติของน้ำในภาชนะลำเลียงสัตว์น้ำ ควรมีคุณสมบัติใกล้เคียงกันกับน้ำที่ต้องการปล่อยสัตว์น้ำ เช่น อุณหภูมิ ค่าความเป็นกรดด่าง เป็นต้น และต้องคอยเฝ้าระวังเรื่องคุณภาพน้ำให้มีความเหมาะสมต่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำตลอดการเลี้ยงสัตว์น้ำแต่ละชนิด เลือกใช้อาหารสัตว์น้ำที่มีคุณภาพดีและให้ในปริมาณที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นอาหารสดเพื่อป้องกันน้ำเน่าเสีย ทำความสะอาดกระชังสม่ำเสมอ เพื่อกำจัดตะกอนและเศษอาหาร ซึ่งเป็นการตัดวงจรชีวิตปรสิตและเชื้อโรค 

นายบรรจง กล่าวเพิ่มเติมว่า โรคสัตว์น้ำที่ควรเฝ้าระวังในฤดูแล้ง ได้แก่  โรคที่เกิดจากปรสิต เช่น เห็บระฆัง ปลิงใส เห็บปลา เหาปลา และหมัดปลา เป็นต้น โดยสัตว์น้ำที่มีปรสิตจะมีลักษณะอาการว่ายน้ำผิดปกติ ว่ายแฉลบ หรือรวมกลุ่มที่ผิวน้ำ หายใจถี่ มีจุดแดง แผลถลอกตามผิวลำตัว เป็นต้น  สำหรับแนวทางการรักษาโรคสามารถปฏิบัติได้โดยการตัดวงจรชีวิตปรสิต กำจัดตะกอนและเศษอาหารที่เกาะติดตามกระชัง ซึ่งเป็นอาหารที่อยู่อาศัยและสืบพันธุ์วางไข่ และใช้สารเคมี เช่น ไตรคลอร์ฟอน (กลุ่มยาฆ่าแมลง) อัตราการใช้ 0.5 – 0.75 ส่วนในล้านส่วน (0.5-0.75 กรัมต่อปริมาตรน้ำ 1 ตัน) ทำทุก ๆ 1 สัปดาห์ ทำซ้ำติดต่อกัน 3 – 4 ครั้ง หรือ ฟอร์มาลินเข้มข้น 200-250 ส่วนในล้านส่วน (พีพีเอ็ม) (200 – 250 มิลลิลิตร (ซีซี) ต่อปริมาตรน้ำ 1 ตัน) นาน 15 – 30 นาที ถ้าเป็นปลาที่เลี้ยงในกระชัง ควรนำปลาขึ้นจากกระชังชั่วคราว พักใส่ถังหรือบ่อ หรือใช้ผ้าใบล้อมกระชังปลาแล้วจึงใช้สารเคมี ไม่ควรใส่ยาหรือสารเคมีลงในแหล่งน้ำโดยตรง 

ส่วนโรคที่เกิดจากแบคทีเรีย เช่น สเตรปโตคอสคัส (Streptococcus sp.) แอโรโมแนส (Aeromonas hydrophila) วิบริโอ (Vibrio sp.) เป็นต้น ซึ่งแบคทีเรียดังกล่าวจัดอยู่ในกลุ่มแบคทีเรียนักฉวยโอกาส (Opportunistic bacteria) ที่พบและอาศัยอยู่ตามแหล่งน้ำทั่วไป โดยจะเข้าทำอันตรายสัตว์น้ำเมื่ออ่อนแอ และสามารถแพร่กระจายได้รวดเร็วผ่านกระแสเลือด โดยความรุนแรงของโรคขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของสัตว์น้ำ ลักษณะสัตว์น้ำที่เป็นโรคเกิดจากแบคทีเรียจะมีอาการ ซึม ไม่กินอาหาร ว่ายน้ำควงสว่าน มีแผลเลือดออกตามผิวลำตัวและอวัยวะต่าง ๆ มีตุ่มฝีที่บริเวณใต้คางและผิวลำตัว ตาขุ่น โปน ครีบกร่อน ท้องบวม เป็นต้น แนวทางการรักษาทำได้โดยใช้ยาต้านจุลชีพ ผสมอาหารให้กินตามคำแนะนำในฉลากยา เกษตรกรควรติดตามข่าวสารการพยากรณ์อากาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และหากมีปัญหาในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ สามารถขอรับคำปรึกษาและคำแนะนำได้ที่ สำนักงานประมงจังหวัด ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด /สัตว์น้ำชายฝั่ง ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดทุกแห่งทั่วประเทศ.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”