กรุงเทพฯ 23 ธ.ค. – บางจากฯ ปรับกลยุทธ์เน้นขายบริการทั้งในและต่างประเทศ หวังเพิ่มมาร์จิ้น กำหนดยุทธศาสตร์ 5 ปี ลงทุน 50,000 ล้านบาท ตั้งเป้ามีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อม (EBITDA) โตขึ้น 2.5 เท่าภายในปี 2567
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปีนี้ภาพรวมบริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ธุรกิจน้ำมันอยู่ในช่วงขาลงตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวต่อเนื่องจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ส่งผลให้ผลประกอบการปี 2561 ต่อเนื่องมาถึงปี 2562 ของทั้งอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันรวมถึงของบริษัทฯ ปรับตัวลดลง
อย่างไรก็ตาม กลุ่มบริษัทฯ ได้เตรียมกลยุทธ์ในการพัฒนาศักยภาพและโอกาสทางธุรกิจ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในกระบวนการต่าง ๆ ตามแผนยุทธศาสตร์ปี 2563-2567 ที่จะใช้เงินลงทุน 50,000 ล้านบาท สำหรับพัฒนาและขยายธุรกิจ โดยตั้งเป้า EBITDA เติบโต 2.5 เท่า ภายใน 5 ปี (63-67) โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนธุรกิจไฟฟ้าที่ตั้งเป้าจะเพิ่มกำลังผลิตจากปัจจุบัน 403.5 เมกะวัตต์ เป็น 1,000 เมกะวัตต์ ที่เหลือเป็นการลงทุนธุรกิจอื่น ๆ โดยทั้งกลุ่มฯ จะเน้นปรับตัวไปสู่ธุรกิจบริการ (product to Service) มากขึ้น โดยปั๊มน้ำมันต่าง ๆ จะพิจารณาว่าจะขายบริการควบน้ำมันเป็นลักษณะ Package อย่างไร และจะเพิ่มยอดขายน้ำมันเทรดดิ้งในต่างประเทศ เพิ่มจาก 68,000 บาร์เรล/วัน เป็น 250,000 บาร์เรล/วัน ในส่วนของกลุ่มธุรกิจตลาดตั้งเป้าจะมีส่วนแบ่งการตลาดจากร้อยละ 16 เป็นร้อยละ 18 โดยปี 2563 จะมีการลงทุนด้านค้าปลีกรวม 2,000 ล้านบาท ขยายปั๊ม 60 แห่ง ทำให้ปีหน้ามีปั๊มรวม 1,260 แห่ง
กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน ปี 2562 มีกำลังการผลิตเฉลี่ยที่ระดับ 112,500 บาร์เรล/วัน และมีอัตรากำลังการผลิตสูงสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 123,500 บาร์เรล/วัน ในเดือนกันยายนที่ผ่านมาบริษัทฯ ยังคงมีแผนยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มกำลังการกลั่นให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 120,000 บาร์เรล/วันภายในปี 2563 ซึ่งลดกำลังกลั่นจากปีนี้ร้อยละ 10 เนื่องจากจะมีการปิดซ่อมบำรุงใหญ่ 40 วัน และศึกษาการลงทุนเพื่อปรับเป็นมาตรฐานยูโร 5 ทั้งโรงกลั่น คาดการณ์ว่าจะเสร็จปี 2566 พร้อมตั้งเป้าลดค่าใช้จ่ายจากการปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานของโรงกลั่นจากการดำเนินโครงการ Rocket ให้ได้ไม่น้อยกว่า 900 ล้านบาท/ปี ภายในสิ้นปี 2563
“ปีนี้ได้รับผลกระทบอย่างหนัก แต่คาดว่าจะมีกำไรสตอก เพราะราคาน้ำมันดิบปลายปีนี้คาดว่าปิดสูงกว่าปีที่แล้ว ซึ่งขณะนี้ราคาอยู่ที่ประมาณ 66 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยปีหน้าราคาน้ำมันยังผันผวนจากความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจทำให้ราคาบวกลบ 60 ดอลลาร์/บาร์เรล ดังนั้น บางจากฯ จึงต้องปรับตัวทำธุรกิจให้หลากหลายและเน้นไปสู่ธุรกิจบริการ เพื่อเพิ่มมาร์จิ้น” นายชัยวัฒน์ กล่าว
กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ โดยบริษัท บีบีจีไอ (จำกัด) มหาชน ได้มีการขยายกำลังการผลิตเอทานอล จากโรงงานที่อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี จาก 200,000 ลิตร/วัน เป็น 300,000 ลิตร/วัน และขยายกำลังการผลิตไบโอดีเซล จาก 930,000 ลิตร/วัน เป็น 1,000,000 ลิตรต่อวัน รวมทั้งมีโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและดำเนินโครงการก่อสร้างโรงกลั่นกลีเซอรีนให้บริสุทธิ์ ถือเป็นธุรกิจและจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวภาพที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่มีความพร้อมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง ทั้งด้านไบโอพลาสติก วัสดุชีวภาพ ฯลฯ นอกจากนี้ ยังเตรียมพร้อมในการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ B100 เพิ่มขึ้นตามนโยบายภาครัฐที่ส่งเสริมการใช้น้ำมันไบโอดีเซล (B100) ทั้งน้ำมันดีเซล B20 และ B10 เพื่อรองรับความต้องการใช้ในอนาคต ตลอดจนหาโอกาสขยายการลงทุนเพิ่มในธุรกิจพลังงานชีวภาพผ่านการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2563
พร้อมกันนี้ยังได้ประกาศจัดตั้ง SynBio Academy ร่วมกับพันธมิตรในภาครัฐและเอกชนจากทั้งในและต่างประเทศ สนับสนุนการพัฒนาธุรกิจชีวนวัตกรรมในประเทศไทยผ่านการอบรม การจัดประชุม การให้ข้อมูล ฯลฯ ในรูปแบบต่าง ๆ กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ บางจากฯ เตรียมพร้อมสำหรับการรองรับอนาคตที่ไฟฟ้าจะกลายเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญของโลก ส่งผลให้แบตเตอรี่มีบทบาทสำคัญ ด้วยการถือหุ้นเป็นอันดับ 2 ใน Lithium Americas Corp. ธุรกิจต้นน้ำของธุรกิจแบตเตอรี่ ซึ่งปัจจุบันมีกำลังการผลิตแร่ลิเทียมในเฟสที่ 1 เพิ่มขึ้นจาก 25,000 ตัน/ปี เป็น 40,000 ตัน/ปี รวมทั้งได้รับสิทธิ์ในการรับผลิตภัณฑ์จากแผนการจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ในปีไตรมาส 1/2564 ไปจำหน่ายเป็นจำนวน 6,000 ตัน/ปี เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ที่ได้รับสิทธิ์ 2,500 ตัน/ปี ซึ่งปริมาณแร่ลิเทียมดังกล่าวเพียงพอสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าประมาณ 120,000 คัน
นอกจากนี้ ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมผ่านบริษัท OKEA ที่นอร์เวย์ มีแหล่งน้ำมันดิบ Yme และ Grevling ในทะเลเหนือที่จะเริ่มเปิดดำเนินการเพิ่มเติม ทำให้มีกำลังผลิตจากแหล่งน้ำมันดิบ 5 แหล่ง รวม 20 kboepd และบริษัทฯ จะยังคงแสวงหาแหล่งน้ำมันดิบและพลังงานใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง
สำหรับสถาบันนวัตกรรมและบ่มเพาะธุรกิจ หรือ BiiC เน้นการเสาะหาการลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพและกิจกรรมงานวิจัยพัฒนาร่วมกับหน่วยงานภายนอก เพื่อใช้นวัตกรรมต่อยอดขยายธุรกิจพลังงานสีเขียวและธุรกิจด้านชีวภาพทั้งในและนอกประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2562 ได้ลงทุนในธุรกิจชีวภาพ 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และธุรกิจพลังงานสะอาด 9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยได้ลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพด้านพลังงานของไทยด้วย.-สำนักข่าวไทย