โรงเรียนเสนาธิการทหารบก 20 ธ.ค.-ผบ.ทบ.ร่วมทดสอบร่างกายประจำปี เพิ่มสาธิตการเสริมสร้างสมรรถภาพหน่วยกำลังรบ ชี้ข้อดีของการเกณฑ์ทหาร สอบเข้ารับราชการทหารต่อได้ มีสวัสดิการทั้งบ้านพัก รักษาพยาบาล
พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบกตรวจเยี่ยมการทดสอบสมรรถภาพร่างกายผู้บังคับหน่วยระดับกรมและผู้บังคับกองพันประจำปีงบประมาณ 2563 ครั้งที่ 1 โดยในครั้งนี้มีการสาธิตการเสริมสร้างสมรรถภาพหน่วยกำลังรบเพิ่มขึ้นอีก 6 สถานีตามแบบฉบับของสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะเริ่มใช้กับหน่วยรบก่อน โดยมีกำลังพลทดสอบร่างกาย 331 นาย จากยอดทั้งหมด 351 นาย และผู้บัญชาการทหารบกร่วมทดสอบด้วย ทั้งนี้ พ.อ.แลรี่ เรดม่อน ผู้ช่วยทูตทหารบกสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยร่วมสังเกตการณ์ด้วย
สำหรับการทดสอบร่างกาย มีท่าดันพื้น ท่าลุกนั่ง และวิ่ง 2 กิโลเมตร จากนั้นเป็นการทดสอบภาษาอังกฤษ และการทดสอบความรู้ที่เกี่ยวข้องการปฏิบัติงานของผู้บังคับหน่วยระดับกรมและกองพัน ส่วนการสาธิตการเสริมสร้างสมรรถภาพหน่วยกำลังรบหรือ ACFT (Army Combat Fitness Test) เพิ่มขึ้น 6 สถานี ประกอบด้วย 1.ท่างอเข่าครึ่งนั่ง ยกบาร์น้ำหนักขึ้น 3 ครั้ง หรือ ท่า Maximum Deadlift เพื่อทดสอบความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลังและกล้ามเนื้อขาในการยกและเคลื่อนย้ายสิ่งของ อาวุธยุทโธปกรณ์ หรือบุคคลที่มีน้ำหนัก ตลอดจนการเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บออกจากสนามรบได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
2.ท่าย่อตัว ทุ่มน้ำหนักขนาด 10 ปอนด์ ข้ามศีรษะไปด้านหลัง หรือท่า Standing Power Throwt เพื่อวัดระดับกำลังของกล้ามเนื้อส่วนบน และส่วนล่าง ในการยก ทุ่ม ขว้าง หรือเคลื่อนย้ายส่งผ่านสิ่งของ กำลังพล อาวุธยุทโธปกรณ์ข้ามเครื่องกีดขวาง หรือบุคคลทำการรบ 3.ท่าดันพื้นละมือแล้วกางเเขน หรือท่า Hand Relase Push-up ภายในเวลา 2 ที เพื่อวัดระดับความเเข็งเเรงและทนทานของกล้ามเนื้อส่วนบนของร่างกาย หัวไหล่และเเขนในการผลัก ดันบุคคล ยานพาหนะ หรือเครื่องกีดขวาง ตลอดจนเอื้อประโยชน์ต่อบุคคลทำการรบและการต่อสู้ป้องกันตัว
4.ท่าวิ่งไป-กลับพร้อมลากและยกสิ่งของในระยะทางทั้งหมด 250 เมตร หรือ Spint , Drag , Carry เพื่อวัดความแข็งแรงของพลังกล้ามเนื้อและความสามารถในการออกแรงภายในระยะเวลาสั้น ๆ เมื่อต้องเคลื่อนไหวทันที ตามสัญชาตญาณ เอื้อต่อการเคลื่อนย้ายสิ่งของ อาวุธยุทโธปกรณ์หรือผู้บาดเจ็บออกจากการประทะ โดยการยก ลาก หรือวิ่งแบบรวดเร็ว 5.ท่าดึงข้อแบบยกเข่าแตะศอก หรือ ท่า Leg Tuck เพื่อทดสอบความแข็งแกร่งและทนทานของกล้ามเนื้อหน้าท้อง และกลุ่มกล้ามเนื้อแกนหลักที่ใช้ในการยึด เกาะ ปีนข้ามสิ่งกีดขวาง ตลอดจนการปีนเชือกและไต่เชือก และ 6.วิ่งระยะทาง 2 ไมล์ ,เพื่อวัดระดับความทนทานของการหมุนเวียนโลหิตในร่างกาย และความแข็งแรงของร่างกายส่วนล่าง ในการเคลื่อนไหวทางเท้า เพื่อเตรียมความพร้อมในการปฎิบัติภารกิจ ที่ต้องใช้ความทรหดอดทนสูงอย่างต่อเนื่อง เช่นการแทรกซึมทางเท้า หรือการเดินทางไกลประกอบน้ำหนักเครื่องสนาม เป็นต้น
สำหรับผู้ทดสอบร่างกายที่ได้คะแนนสูงสุดแต่ละช่วงอายุโดยจะได้รับรางวัลจากผู้บัญชาการทหารบก แบ่งเป็กลุ่มอายุ 37-41 ปี : พ.อ. กัมพล เทียนทองดี กลุ่มอายุ 42-46 ปี : พ.ท. ณรงค์ชัย นิตยสุทธิ์ กลุ่มอายุ 47-51 ปี : พ.อ. สมมิตร สินธุวงศานนท์
ภายหลังตรวจเยี่ยมการทดสอบ ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า กองทัพบกยังคงใช้เกณฑ์มาตรฐานในการทดสอบสมรรถภาพร่างกายเหมือนเดิมทุกประการ ส่วนการสาธิตการเพิ่มขีดความสามารถให้กับหน่วยกำลังรบตั้งแต่ผู้บังคับกองพัน ผู้บังคับกองร้อย ผู้บังคับหมวด ซึ่งท่าต่าง ๆ ได้นำมาจากการคิดค้นของกองทัพบกสหรัฐฯ และประเทศอื่น เพราะเขาให้ความสำคัญกับกำลังพลที่ต้องออกไปตรากตรำ ไปฝึก ต้องแบกเป้สนาม แบกอาวุธ บางครั้งบาดเจ็บก็ยังต้องแบกเพื่อนร่วมงานที่ได้รับบาดเจ็บ จึงมีความสำคัญที่จะต้องสร้างกล้ามเนื้อในส่วนต่าง ๆ ในทุกท่า
“จากการลองทดสอบด้วยตัวเอง ซึ่งอายุ 60 ปี วัยใกล้เกษียณ พบว่าแก่ไปเยอะ คงสู้รุ่นผู้พัน ผู้การไม่ได้ และทุกท่าทำให้มองเห็นว่า ถ้าจะต้องลากอะไรสักอย่าง ลากเพื่อน ลากยุทโธปกรณ์ในสนามรบหรือในภูมิประเทศ ต้องใช้การเตรียมกล้ามเนื้อลักษณะนี้ ซึ่งไม่ใช่แค่ทหาร แต่พลเรือนในต่างประเทศก็ให้ความสำคัญ เช่นเดียวกับที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสนับสนุนให้แข่งขันวิ่งตามภูมิประเทศ” ผู้บัญชาการทหารบก กล่าว
พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวถึงการเกณฑ์ทหารต่อจากนี้ ว่า เมื่อแบ่งตามกองทัพภาคแล้ว ต้องทดสอบร่างกาย เพราะเรื่องความแข็งแรงต้องมาก่อน และการเป็นพลทหารสามารถเรียนหลักสูตรร่มที่มี 2 หลักสูตรได้ โดยรุ่นหนึ่งสามารถเรียนได้ครั้งละ 250 คน เมื่อผ่านเกณฑ์ของการเรียนร่มแล้ว จะมีคะแนนพิเศษที่สามารถนำไปสอบเข้าโรงเรียนนายสิบทหารบกได้ ถือเป็นการสร้างแนวทางการรับราชการ
“ผู้ที่ถูกเกณฑ์ทหารเข้ามาจะมีเส้นทางการรับราชการของตัวเอง แต่ใครที่อ่อนแอหรือมีปัญหา ไม่อยากเป็นทหารต่อก็ไม่เป็นไร เพราะในแต่ละปีมีผู้สมัครมาเยอะอยู่แล้ว จะได้ตอบคำถามสังคมได้ ไม่ใช่เป็นพลทหารแล้วไม่มีอะไร ดีกว่าการทำงานบริษัทอีก มีระบบการรักษาพยาบาล มีสวัสดิการต่าง ๆ มีบ้านพัก ซึ่งคนที่ทำงานบริษัทต่าง ๆ บางคนไม่มีแบบนี้” ผู้บัญชาการทหารบก กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายวันนี้ ผู้บัญชาการทหารบกจะเป็นประธานประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก(นขต.ทบ.) วาระพิเศษ โดยคาดว่าจะเน้นย้ำเรื่องการดูแลรักษาความปลอดภัยในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะตามแนวชายแดน และ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในช่วงเทศกาลปีใหม่.-สำนักข่าวไทย
