กำหนด 4 กลยุทธ์ดันส่งออกปี 63

นนทบุรี 19 ธ.ค. – อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กำหนด 4 กลยุทธ์ ผลักดันส่งออกเชิงรุกปี 63 เตรียมเดินหน้าขยายการส่งออกเจาะเป็นรายตลาด นำทีมโดยเซลส์แมนประเทศ มั่นใจปีหน้ายอดส่งออกเป็นบวก 


นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงแผนผลักดันการส่งออกสินค้าและบริการไทยปี 2563 ว่า กรมฯ จะเดินหน้าผลักดันการส่งออกตามนโยบายที่ได้รับจากนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยจะมี 4 กลยุทธ์หลัก เพื่อเร่งรัดการส่งออกเชิงรุก คือ 1.การพัฒนาช่องทางตลาด 2.การพัฒนาผู้ประกอบการ 3.การพัฒนาสินค้า/ธุรกิจบริการ  และ 4.การพัฒนาระบบให้บริการภายในองค์กร 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าภาพรวมการส่งออกของไทยปีนี้จะไม่เติบโตตามที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากมีปัจจัยภายนอก เช่น สงครามการค้าสหรัฐกับจีน ผลกระทบในกลุ่มสหภาพยุโรป ความวุ่นวายการชุมนุมของฮ่องกง ปัญหาความผันผวนอัตราแลกเปลี่ยน โดยเฉพาะค่าเงินบาท ความผันผวนราคาน้ำมัน ทำให้การส่งออกปีนี้ไม่ค่อยจะดี แต่ปีหน้าคงจะต้องติดตามปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ โดยเฉพาะสงครามการค้าสหรัฐกับจีนจบลงด้วยดี เชื่อว่าโอกาสตัวเลขการส่งออกของไทยน่าจะกลับมาเป็นบวกได้ แต่จะมากหรือน้อยแค่ไหน กรมฯ จะจัดประชุมทูตพาณิชย์ เพื่อรับนโยบายการปฏิบัติงานในช่วงงาน Bangkok Gems & Jewelry เดือนกุมภาพันธ์ 2563 โดยจะมีการประชุมร่วมกับภาคเอกชนสาขาต่าง ๆ เพื่อประเมินการส่งออกร่วมกัน รวมทั้งประเมินทิศทางการส่งออกแต่ละตลาด ก่อนที่จะนำผลสรุปมาจัดทำเป้าหมายการส่งออกของประเทศที่ชัดเจนอีกครั้ง


นายสมเด็จ กล่าวว่า เพื่อเตรียมแผนดำเนินการปีหน้า ด้านการพัฒนาช่องทางตลาด จะจัดคณะผู้แทนการค้าเดินทางไปขยายตลาด ได้แก่ ตลาดเดิม (จีน ญี่ปุ่น เยอรมนี อังกฤษ สหภาพยุโรป) ตลาดใหม่ (อินเดีย ตุรกี ศรีลังกา บังคลาเทศ แอฟริกาใต้) ตลาดฟื้นฟู (ตะวันออกกลาง) โดยจะเจาะตลาดลงลึกรายมณฑล รายรัฐในตลาดที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งจะนำทีมโดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในฐานะ “เซลส์แมนประเทศ” และมีผู้ประกอบการในสาขาต่าง ๆ เข้าร่วม

ส่วนช่องทางการขยายตลาดอื่น ๆ จะเน้นจัดกิจกรรมร่วมกับผู้นำเข้าและนักธุรกิจในต่างประเทศ เพื่อสร้างความต้องการสินค้าและบริการที่มีศักยภาพของไทย ขยายความร่วมมือกับห้างสรรพสินค้าชั้นนำของไทย เพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้กับสินค้าที่ผ่านการบ่มเพาะจากกรมฯ ขยายร้าน TOPTHAI Flagship Store เพิ่มเติม เพื่อขยายตลาดสินค้าไทยในจีน และจะขยายบนแพลตฟอร์มในตลาดอื่น ๆ อาทิ Bigbasket (อินเดีย) Amazon.com (สหรัฐ) Amazon.jp (ญี่ปุ่น) และ Presto Mall (มาเลเซีย) เป็นต้น จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายบนแพล็ตฟอร์มออนไลน์ (Online In-Store Promotion) รวมทั้งยกระดับงานแสดงสินค้านานาชาติในประเทศสู่การเป็นงานแสดงสินค้าที่ยิ่งใหญ่และน่าสนใจยิ่งขึ้น อาทิ STYLE/ BGJF/ THAIFEX-ANUGA ASIA เป็นต้น

สำหรับการพัฒนาผู้ประกอบการ จะผลักดันกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ ให้เป็นผู้ส่งออก เช่น กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่ม Start up กลุ่มชาติพันธุ์ และกลุ่ม Niche และยังมีแผนร่วมมือกับสถาบันการศึกษา (Co-course) จัดทำหลักสูตรการศึกษาวิชาบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ การส่งออก การเจรจาธุรกิจ เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับนักศึกษาที่จะก้าวมาเป็นผู้ส่งออกรุ่นใหม่ รวมถึงพัฒนาหลักสูตรสร้างผู้ช่วยขายออนไลน์ ร่วมกับสถาบันปัญญาภิวัฒน์ สร้างนักค้าออนไลน์ให้กับผู้ประกอบการ


 ด้านการพัฒนาคุณภาพสินค้าและธุรกิจบริการ จะเน้นการสร้างแบรนด์ประเทศไทยผ่านตราสัญลักษณ์รับรองคุณภาพต่าง ๆ ได้แก่ TMark / DEMark / PM-Award / Thai Select / ELMA อย่างต่อเนื่อง บ่มเพาะแบรนด์ไทย รุกตลาด Luxury-Premium ในตลาดเป้าหมาย อาทิ จีน อินเดีย อาเซียน โดยจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ และพัฒนาช่องทางการขายในรูปแบบออนไลน์ ส่งเสริมธุรกิจบริการศักยภาพอย่างต่อเนื่อง เช่น ดิจิทัลคอนเทนท์ จะเชิญ Animator/Cartoon Creator ชาวไทยในบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลก มาสร้างแรงบันดาลใจให้กับกลุ่มผู้ประกอบการไทยรุ่นใหม่ ธุรกิจบริการสุขภาพ จะร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ส่งเสริมธุรกิจบริการสุขภาพ รองรับกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่ง สธ. อยู่ระหว่างเสนอให้มีการตรวจลงตราประเภท Medical Visa ชนิดใช้ได้ไม่จำกัดครั้ง คราวละไม่เกิน 1 ปี ธุรกิจ Start up จะบ่มเพาะผู้ประกอบการ และขยายสู่ตลาดต่างประเทศ โดยมีเป้าหมาย อาทิ อินโดนีเซียและเกาหลีใต้ ธุรกิจโลจิสติกส์ จะร่วมมือกับบริษัทโลจิสติกส์ในต่างประเทศ เพื่อเชื่อมโยงเส้นทางโลจิสติกส์และธุรกิจสนับสนุนและบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องจะจัดคณะเดินทางและเข้าร่วมงานแสดงในต่างประเทศ สร้างโอกาสและต่อยอดธุรกิจของไทยสู่ตลาดโลก ด้านการพัฒนาภายในองค์กร ระบบให้บริการ จะพัฒนาฐานข้อมูลด้านการค้าระหว่างประเทศด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ต่อยอด DITP Business AI ให้มีประสิทธิภาพ เน้นให้สามารถใช้งานง่าย ขยายขอบเขตและความหลากหลายของฐานข้อมูล ทันต่อสถานการณ์ที่เป็นปัจจุบันมากขึ้น ส่งผลให้การตัดสินใจของผู้ส่งออกมีความแม่นยำและชัดเจนยิ่งขึ้น จากข้อมูลที่ถูกต้องและทันสมัยมากยิ่งขึ้น .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

ฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ส่งสุขรับปีใหม่

ส่งความสุขรับปีใหม่ กับฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ศิลปินลูกทุ่งเกือบ 100 ชีวิต ร่วมโชว์จัดเต็ม

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน

เด้ง ตร.จราจร ปมคลิปรับเงินแลกไม่เขียนใบสั่ง

ผบก.ภ.จว.นนทบุรี สั่งย้าย “รอง สว.จร.สภ.รัตนาธิเบศร์” เซ่นคลิปรับเงินแลกไม่ออกใบสั่ง พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงภายใน 3 วัน ด้านเจ้าตัวอ้างไม่เห็นเงินที่วางบนโต๊ะในตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจร