ทำเนียบฯ 19 ธ.ค. – รัฐบาลเดินหน้าผลักดันโรงไฟฟ้าชุมชน หวังสร้างรายได้ท้องถิ่น นำวัตถุดิบ มาใช้ประโยชน์จากโรงไฟฟ้า และผลักดันราคาสินค้าหลักเพิ่มขึ้น แนะนโยบายการเงินของแบงก์ชาติยังมีช่องทางช่วยเหลือเศรษฐกิจ
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลต้องการส่งเสริมการสร้างโรงไฟฟ้าชุมชนกระจายไปทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมให้ชุมชนนำวัตถุบดิบในท้องถิ่น ทั้งฟางข้าว ซังข้าวโพด ใบอ้อย ส่งขายให้โรงไฟฟ้าชุมชน เพื่อสร้างรายได้ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องศึกษาแผนการวางระบบสายส่ง เพื่อป้องกันการทับซ้อนและมีประสิทธิภาพ ในช่วง 1 เดือนข้างหน้าหลักเกณฑ์ทุกด้านต้องพร้อม จากนั้นเดือนที่ 2 ต้องเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา และเริ่มให้ผู้สนใจยื่นขออนุมัติได้ต้นปีหน้า ขณะนี้ทั้งกองทุนหมู่บ้านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กทม. ผู้ว่าราชการจังหวัดอีกหลายพื้นที่ เตรียมพร้อมรองรับนโยบายดังกล่าว สำหรับการจัดสรรงบประมาณ 200,000 บาทที่จัดสรรให้กับกองทุนหมู่บ้าน สามารถเตรียมพร้อมรองรับนโยบายรัฐ
โดยในวันที่ 20 ธันวาคมนี้ นายสมคิด เตรียมเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (บอร์ดกองทุนอนุรักษ์) เพื่อพิจารณาเกณฑ์การอนุมัติเบิกจ่ายงบประมาณกองทุนฯ ประจำปี 2563 วงเงิน 10,000 ล้านบาท คาดว่าสามารถเปิดให้มีการยื่นข้อเสนอขอสนับสนุนเดือนมกราคม 2563 และคัดเลือกโครงการภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 จากนั้นจะสามารถเบิกจ่ายงบประมาณเดือนมีนาคม 2563 โดยการพิจารณาโครงการจะมุ่งเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากเป็นสำคัญ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เห็นชอบหลักการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) และราคารับซื้อไฟฟ้าสำหรับผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก โดยปี 2563 เปิดรับซื้อไฟฟ้า 700 เมกะวัตต์ และกำหนดวันจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ปริมาณพลังไฟฟ้าเสนอขายไม่เกิน 10 เมกะวัตต์ ใช้วิธีการคัดเลือกโดยกรรมการบริหารการรับซื้อไฟฟ้าฯ จะพิจารณาตามหลักเกณฑ์ และคัดเลือกจากโครงการให้ผลประโยชน์คืนสู่ชุมชนสูงสุดและพิจารณารับซื้อจากโครงการ Quick win ก่อนเป็นลำดับแรก
นายสมคิด กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีหน้ารัฐบาลต้องการผลักดันและส่งเสริมผู้ประกอบการตัวเล็กที่ต่ำกว่าเอสเอ็มอี ครอบคลุมทั้งด้านเกษตร อุตสาหกรรม ท่องเที่ยว และบริการ จึงมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ร่วมกับภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ศึกษาแนวทางช่วยเหลือตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ การนำกองทุนคนตัวเล็กมาใช้ประโยชน์ส่งเสริมเงินทุน เพื่อออกมาตรการเป็นแพ็คเกจพร้อมกัน เตรียมนำเสนอบอร์ดบีโอไอครั้งต่อไป เป้าหมายเพื่อต้องการช่วยเหลือ ผู้ประกอบการคนตัวเล็กทั่วประเทศ
“เศรษฐกิจภาพรวมไม่ได้แย่ตามที่หลายฝ่ายคิด เพียงแต่เครื่องยนต์ทำงานไม่เต็มที่ การขับเคลื่อนต้องมีพลัง และความเชื่อมั่นที่สำคัญนโยบายการเงิน นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนต้องเดินไปสอดคล้องกัน เนื่องจากนโยบายการคลังทำงานเต็มที่แล้ว เปรียบเทียบเหมือนกับปลูกข้าวในนา หากมีน้ำเพียงพอข้าวจะเติบโตสวยงาม เหมือนกับสภาพคล่อง แต่หากต้นข้าวไม่มีน้ำในช่วงกำลังออกดอก ข้าวจะแห้งตายได้ หรือหากมีน้ำมากเกินไป เกิดปัญหาน้ำท่วม หรือเศรษฐกิจฟองสบู่ จึงอยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดูแลค่าเงินบาทให้อ่อนค่าพอสมควร เพื่อให้เกิดการแข่งขัน” นายสมคิด กล่าว
สำหรับการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจต่างประเทศ ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องผลักดันการเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มประเทศ CPTPP ให้ชัดเชน หลังจากเวียดนามเข้าร่วมเป็นสมาชิกไปแล้ว รวมทั้งเดินหน้าเจรจา FTA ไทย-ยุโรป โดยต้องคลี่คลายเงื่อนไขข้อตกลงหลายด้านร่วมกัน เพื่อทั้งยา สินค้าเกษตร และลิขสิทธิ์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทย.-สำนักข่าวไทย