ภูมิภาค 15 ธ.ค. – รถตำรวจพุ่งชนกันสนั่นบริเวณจุดกลับรถหน้าวัดชลประทานรังสฤษดิ์ จ.นนทบุรี ขณะพาผู้ต้องหาเมาแล้วขับกลับโรงพัก ส่วนที่ปทุมธานี เกิดอุบัติเหตุหลายจุด เก๋งเสียหลักชนต้นไม้ตกคลองตาย 2 เจ็บ 1 อีกจุด วัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์ชนท้ายกระบะ ดับ 1
เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 15 ธ.ค. เกิดเหตุรถชนกันบริเวณจุดกลับรถหน้าวัดชลประทานรังสฤษดิ์ ถนนติวานนท์ ต.บางตลาด จ.นนทบุรี ที่เกิดเหตุพบรถเก๋งยี่ห้อนิสสัน ซันนี่ สีบรอนซ์ ทะเบียน กษ 1015 นนทบุรี ถูกชนได้รับความเสียหายทั้งแถบ ภายในรถมีผู้รับบาดเจ็บติดอยู่ในห้องโดยสาร 2 ราย เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งใช้เครื่องตัดถ่างช่วยนำร่างผู้บาดเจ็บออกมา ทราบชื่อ ส.ต.ต.ธีระ โฉมไธสง ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สภ.ปากเกร็ด คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่สะโพก อีกรายนายวัชรินทร์ เอกญาติ อายุ 31 ปี อาการสาหัส ใกล้กันพบรถคู่กรณีเป็นรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า แอคคอร์ด สีขาว หมายเลขทะเบียน ขจ 5723 นครราชสีมา จอดอยู่ในช่องทางขวา สภาพด้านหน้าพังยับเยิน มี ร.ต.อ.ปริทัศน์ วิบูลยานนท์ อายุ 41 ปี รอง สว.(สอบสวน) สน.บางยี่เรือ คนขับ ได้รับบาดเจ็บศีรษะแตก เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำผู้บาดเจ็บทั้ง 3 ราย นำส่ง รพ.ชลประทาน ปากเกร็ด
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ส.ต.ต.ธีระ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่อีก 9 นาย ปฏิบัติหน้าที่ตั้งด่านตรวจค้นและตรวจวัดแอลกอฮอล์ บริเวณหน้าธนาคารกรุงเทพ สาขาห้าแยกปากเกร็ด ถนนติวานนท์ ฝั่งขาออก ได้จับกุมตัวนายวัชรินทร์ ข้อหาเมาสุราขณะขับรถ หลังเลิกด่าน ส.ต.ต.ธีระ เห็นว่านายวัชรินทร์เมามาก จึงขับรถพานายวัชรินทร์นั่งคู่มาเบาะหน้า เพื่อจะไปโรงพัก ขณะที่ ส.ต.ต.ธีระ เลี้ยวกลับรถตรงจุดเกิดเหตุ ได้ตัดหน้ารถของ ร.ต.อ.ปริทัศน์ ที่ขับมาทางตรงด้วยความเร็ว มุ่งหน้าจะกลับบ้านย่านสรงประภา อย่างกระชั้นชิด ทำให้เบรกไม่ทัน จึงพุ่งชนกลางคัน จนเป็นเหตุให้รับรับบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย
ส่วนที่ จ.ปทุมธานี เมื่อคืนที่ผ่านมามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นหลายครั้ง ทั้งรถเก๋งเสียหลักชนต้นไม้ตกลงไปคลอง และรถจักรยานยนต์ชนท้ายรถกระบะ ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 3 ราย
เหตุแรกที่เกิดขึ้นบริเวณถนนเลียบคลองสิบสองฝั่งตะวันตก ม.2 ต.บึงน้ำรักษ์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี พบรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า โคโรล่า ทะเบียน กค 6066 ลำปาง พลิกตะแคงข้างอยู่ในคลองภายในรถพบผู้เสียชีวิตเป็นชาย 2 ราย ทราบชื่อนายชาติชาย วิมานบรรพต อายุ 46 ปี ชาว ต.หนองสามวัง อ.หนองเสือ นั่งอยู่เบาะหน้ารถและอีกรายทราบชื่อนายชัยนาถ บุญมาเลิศ อายุ 26 ปี ชาว ต.หนองสามวัง อ.หนองเสือ นั่งอยู่เบาะหลังของรถ นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย เป็นผู้ชาย คือ นายธีรพงษ์ โตแสง อายุ 33 ปี ชาว ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา รถกู้ชีพเทศบาลเมืองสนั่นรักษ์นำส่งโรงพยาบาล มศว. อ.องค์รักษ์ จ.นครนายก ส่วนบริเวณที่เกิดเหตุพบต้นไม้ข้างทางถูกชนได้รับความเสียหาย 2 ต้น
จากการสอบถามนายนพดล ชื่นวิจิตร อายุ 62 ปี ญาติของผู้ประสบอุบัติเหตุทราบว่า ทั้งสามคนออกจากบ้านตั้งแต่เวลาประมาณ 21.00 น. แต่ไม่รู้ว่าไปไหน กระทั่งมีเพื่อนบ้านไปบอกว่าหลานเกิดอุบัติเหตุ จึงรีบเดินทางมาตรวจสอบ และยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ขับ ซึ่งเหลืออีกเพียง 2.5 กม. ก็จะถึงบ้านแล้ว คาดว่าน่าจะขับมาด้วยความเร็ว
ส่วนอีกเหตุการณ์ รถจักรยานยนต์ชนท้ายรถกระบะ บริเวณถนนเลียบคลองสาม ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะ โตโยต้า สปอร์ตไรเดอร์ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ภว-199กรุงเทพมหานคร ได้รับความเสียหาย สภาพด้านหลังมีร่องรอยถูกรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เบลสีฟ้า ทะเบียน 6กธ 3674 กรุงเทพมหานคร สภาพด้านหน้าพังยับเยิน ใกล้กันพบผู้เสียชีวิตสภาพศพนอนคว่ำหน้า ทราบชื่อนายกันตภณ บุญไตรย์ อายุ 19 ปี ชาวตำบลคลองสาม อ.คลองหลวง ส่วนคนขับรถโตโยต้า สปอร์ตไรเดอร์ ทราบชื่อนายมนตรี หุตะมาน อายุ 51ปี ยืนรอตำรวจอยู่ในที่เกิดเหตุ
นายมนตรี หุตะพาน บอกว่า ไปเล่นฟุตบอลที่สนามย่านคลอง 4 ธัญบุรี จะกลับบ้านพักตรงข้ามองค์การบริหารส่วนตำบลคลองสาม เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ กำลังยูเทิร์น และมีรถจักรยานยนต์วิ่งมาทางตรง ชนท้ายรถอย่างจัง จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตดังกล่าว
พ.ต.ต.วัชรพงษ์ เทียนประถัมภ์ สารวัตรเวรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรคลองหลวง ลงพื้นที่ตรวจสอบในที่เกิดเหตุ และร่วมชันสูตรพร้อมกับแพทย์เวร จึงได้บันทึกภาพในที่เกิดเหตุเก็บไว้เป็นหลักฐาน และได้เชิญผู้ขับขี่รถยนต์กระบะไปสอบสวนเพิ่มเติมที่โรงพัก ส่วนผู้เสียชีวิตมอบให้เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธินำศพส่งชันสูตรยังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติเพื่อหาสาเหตุการตายอีกครั้งและจะได้ประสานทางญาติมารับศพไปบำเพ็ญกุศลต่อไป
หวิดดับ! บัสนักท่องเที่ยวชนท้ายรถพ่วง
รถพ่วงบรรทุกไก่ พุ่งออกจากซอยกะทันหัน ทำให้รถบัสนักท่องเที่ยวจีน 27 ชีวิต เบรกไม่ทัน พุ่งชนท้ายรถบรรทุกอย่างจัง นักท่องเที่ยวบาดเจ็บ 10 คน
ร.ต.อ.ดิเรก พิมพา รองสารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรหนองใหญ่ รับแจ้งจากอาสากู้ภัยศีลธรรมสมาคมบ้านบึงจุดอำเภอหนองใหญ่ ว่ามีอุบัติเหตุรถบัสนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติชนกับรถบรรทุกไก่ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ช่วงบริเวณบนถนนสาย 344 ขาเข้าอำเภอแกลง กม.58/200 ต.เขาซก อ.หนองใหญ่ จึงรุดเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุพบรถบัส 2 ชั้น ยี่ห้อเบนซ์ สีขาว หมายเลขทะเบียนป้ายเหลือง 33-8222 กรุงเทพฯ บรรทุกนักท่องเที่ยวจีนมา 27 คน จอดอยู่ข้างถนน บริเวณด้านหน้าข้างซ้ายรถพังยุบ กระจกแตก มีข้าวของกระจัดกระจายภายในรถ จากการตรวจสอบมีนักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บ 10 คน มีแผลถลอกฟกช้ำตามร่างกายเล็กน้อย อาสากู้ภัยปฐมพยาบาลเบื้องต้น ทั้งหมดไม่ประสงค์ไปโรงพยาบาล ส่วนรถคู่กรณีเป็นรถพ่วงบรรทุกไก่มาจำนวน 4,000 ตัว มีนายเศรษฐา ปาเตี้ย เป็นคนขับ
จากการสอบสวนนายสยามรัตน์ กลีบเมฆ คนขับรถบัสเล่าว่า รับนักท่องเที่ยวชาวจีนมาจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าไปเที่ยวอ่าวมะขามป้อม อ.แกลง จ.ระยอง พอมาถึงที่เกิดเหตุ รถบรรทุกไก่ออกจากซอยกะทันหัน ทำให้หักหลบไม่ทัน หน้ารถไปชนส่วนท้ายรถพ่วง จนทำให้นักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
เบนซ์ขับย้อนศร ชนเก๋งดับ
เมื่อคืนที่ผ่านมา ร.ต.ท.ปิติพงษ์ ทองสีอ้น รอง สว.(สอบสวน) สภ.ชุมชนมหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งพุ่งชนประสานงากันมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต บนถนนทางหลวงหมายเลข 117 เส้นพิษณุโลก-นครสวรรค์ (ขาออกเมือง) หลัก กม. ที่ 123 หลังรับแจ้งจึงรุดตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิมิตรภาพมงคลธรรม ที่เกิดเหตุพบรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีบรอนซ์-เท่า หมายเลขทะเบียน กต 3371 พิษณุโลก สภาพด้านหน้าเสียหายพังยับเยิน
ตรวจสอบพบผู้เสียชีวิตถูกอัดก๊อปปี้อยู่ที่เบาะนั่งฝั่งคนขับ กู้ภัยใช้เครื่องมือตัดถ่างงัดร่างออกมา ทราบชื่อคือ นายสำเริง จันทรรักษ์ อายุ 41 ปี อยู่อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก นอกจากนี้ยังพบรถเบนซ์ คู่กรณี สภาพเสียหายยับเยิน กระจกหน้าแตก ส่วนนายอรรถรส ทองงามขำ อายุ 35 ปี คนขับได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ และมีรอยฟกช้ำตามร่างกาย กู้ภัยจึงช่วยกันนำผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลพุทธชินราช
จากการสอบสวนทราบว่า ขณะเกิดเหตุนายสำเริง ผู้เสียชีวิต กำลังขับรถไปรับแฟนสาวที่ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่พยาบาลโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร เมื่อขับมาถึงจุดเกิดเหตุมีรถเบนซ์ของนายอรรถรส ขับย้อนศรมา ทำให้พุ่งชนกันอย่างจังเสียงดังสนั่น ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว ทั้งนี้ ตำรวจจะสอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์หรือกล้องวงจรปิดในละแวกใกล้เคียง พร้อมกับจะสอบสวนคนขับรถเบนซ์ รวมถึงตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ เพื่อสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงและดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป. – สำนักข่าวไทย