รถ ตร.ชนกันสนั่นเจ็บ 3 หน้าวัดชลประทานฯ-เก๋งชนต้นไม้ตกคลองดับ 2 เจ็บ 1

ภูมิภาค 15 ธ.ค. – รถตำรวจพุ่งชนกันสนั่นบริเวณจุดกลับรถหน้าวัดชลประทานรังสฤษดิ์ จ.นนทบุรี ขณะพาผู้ต้องหาเมาแล้วขับกลับโรงพัก ส่วนที่ปทุมธานี เกิดอุบัติเหตุหลายจุด เก๋งเสียหลักชนต้นไม้ตกคลองตาย 2 เจ็บ 1 อีกจุด วัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์ชนท้ายกระบะ ดับ 1 


เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 15 ธ.ค. เกิดเหตุรถชนกันบริเวณจุดกลับรถหน้าวัดชลประทานรังสฤษดิ์ ถนนติวานนท์ ต.บางตลาด จ.นนทบุรี ที่เกิดเหตุพบรถเก๋งยี่ห้อนิสสัน ซันนี่ สีบรอนซ์ ทะเบียน กษ 1015 นนทบุรี ถูกชนได้รับความเสียหายทั้งแถบ ภายในรถมีผู้รับบาดเจ็บติดอยู่ในห้องโดยสาร 2 ราย เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งใช้เครื่องตัดถ่างช่วยนำร่างผู้บาดเจ็บออกมา ทราบชื่อ ส.ต.ต.ธีระ โฉมไธสง ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สภ.ปากเกร็ด คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่สะโพก อีกรายนายวัชรินทร์ เอกญาติ อายุ 31 ปี อาการสาหัส ใกล้กันพบรถคู่กรณีเป็นรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า แอคคอร์ด สีขาว หมายเลขทะเบียน ขจ 5723 นครราชสีมา จอดอยู่ในช่องทางขวา สภาพด้านหน้าพังยับเยิน มี ร.ต.อ.ปริทัศน์ วิบูลยานนท์ อายุ 41 ปี รอง สว.(สอบสวน) สน.บางยี่เรือ คนขับ ได้รับบาดเจ็บศีรษะแตก เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำผู้บาดเจ็บทั้ง 3 ราย นำส่ง รพ.ชลประทาน ปากเกร็ด


จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ส.ต.ต.ธีระ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่อีก 9 นาย ปฏิบัติหน้าที่ตั้งด่านตรวจค้นและตรวจวัดแอลกอฮอล์ บริเวณหน้าธนาคารกรุงเทพ สาขาห้าแยกปากเกร็ด ถนนติวานนท์ ฝั่งขาออก ได้จับกุมตัวนายวัชรินทร์ ข้อหาเมาสุราขณะขับรถ หลังเลิกด่าน ส.ต.ต.ธีระ เห็นว่านายวัชรินทร์เมามาก จึงขับรถพานายวัชรินทร์นั่งคู่มาเบาะหน้า เพื่อจะไปโรงพัก ขณะที่ ส.ต.ต.ธีระ เลี้ยวกลับรถตรงจุดเกิดเหตุ ได้ตัดหน้ารถของ ร.ต.อ.ปริทัศน์ ที่ขับมาทางตรงด้วยความเร็ว มุ่งหน้าจะกลับบ้านย่านสรงประภา อย่างกระชั้นชิด ทำให้เบรกไม่ทัน จึงพุ่งชนกลางคัน จนเป็นเหตุให้รับรับบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย

ส่วนที่ จ.ปทุมธานี เมื่อคืนที่ผ่านมามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นหลายครั้ง ทั้งรถเก๋งเสียหลักชนต้นไม้ตกลงไปคลอง และรถจักรยานยนต์ชนท้ายรถกระบะ ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 3 ราย


เหตุแรกที่เกิดขึ้นบริเวณถนนเลียบคลองสิบสองฝั่งตะวันตก ม.2 ต.บึงน้ำรักษ์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี พบรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า โคโรล่า ทะเบียน กค 6066 ลำปาง พลิกตะแคงข้างอยู่ในคลองภายในรถพบผู้เสียชีวิตเป็นชาย 2 ราย ทราบชื่อนายชาติชาย วิมานบรรพต อายุ 46 ปี ชาว ต.หนองสามวัง อ.หนองเสือ นั่งอยู่เบาะหน้ารถและอีกรายทราบชื่อนายชัยนาถ บุญมาเลิศ อายุ 26  ปี ชาว  ต.หนองสามวัง อ.หนองเสือ นั่งอยู่เบาะหลังของรถ นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย เป็นผู้ชาย คือ นายธีรพงษ์ โตแสง อายุ 33 ปี ชาว ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา รถกู้ชีพเทศบาลเมืองสนั่นรักษ์นำส่งโรงพยาบาล มศว. อ.องค์รักษ์ จ.นครนายก ส่วนบริเวณที่เกิดเหตุพบต้นไม้ข้างทางถูกชนได้รับความเสียหาย 2 ต้น

จากการสอบถามนายนพดล ชื่นวิจิตร อายุ 62 ปี ญาติของผู้ประสบอุบัติเหตุทราบว่า ทั้งสามคนออกจากบ้านตั้งแต่เวลาประมาณ 21.00 น. แต่ไม่รู้ว่าไปไหน กระทั่งมีเพื่อนบ้านไปบอกว่าหลานเกิดอุบัติเหตุ จึงรีบเดินทางมาตรวจสอบ และยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ขับ ซึ่งเหลืออีกเพียง 2.5 กม. ก็จะถึงบ้านแล้ว คาดว่าน่าจะขับมาด้วยความเร็ว 

ส่วนอีกเหตุการณ์ รถจักรยานยนต์ชนท้ายรถกระบะ บริเวณถนนเลียบคลองสาม ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะ โตโยต้า สปอร์ตไรเดอร์ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ภว-199กรุงเทพมหานคร ได้รับความเสียหาย สภาพด้านหลังมีร่องรอยถูกรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เบลสีฟ้า ทะเบียน 6กธ 3674 กรุงเทพมหานคร สภาพด้านหน้าพังยับเยิน ใกล้กันพบผู้เสียชีวิตสภาพศพนอนคว่ำหน้า ทราบชื่อนายกันตภณ บุญไตรย์ อายุ 19 ปี ชาวตำบลคลองสาม อ.คลองหลวง ส่วนคนขับรถโตโยต้า สปอร์ตไรเดอร์ ทราบชื่อนายมนตรี หุตะมาน อายุ 51ปี ยืนรอตำรวจอยู่ในที่เกิดเหตุ

นายมนตรี หุตะพาน บอกว่า ไปเล่นฟุตบอลที่สนามย่านคลอง 4 ธัญบุรี จะกลับบ้านพักตรงข้ามองค์การบริหารส่วนตำบลคลองสาม เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ กำลังยูเทิร์น และมีรถจักรยานยนต์วิ่งมาทางตรง ชนท้ายรถอย่างจัง จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตดังกล่าว 

พ.ต.ต.วัชรพงษ์ เทียนประถัมภ์ สารวัตรเวรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรคลองหลวง ลงพื้นที่ตรวจสอบในที่เกิดเหตุ และร่วมชันสูตรพร้อมกับแพทย์เวร จึงได้บันทึกภาพในที่เกิดเหตุเก็บไว้เป็นหลักฐาน และได้เชิญผู้ขับขี่รถยนต์กระบะไปสอบสวนเพิ่มเติมที่โรงพัก ส่วนผู้เสียชีวิตมอบให้เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธินำศพส่งชันสูตรยังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติเพื่อหาสาเหตุการตายอีกครั้งและจะได้ประสานทางญาติมารับศพไปบำเพ็ญกุศลต่อไป

หวิดดับ! บัสนักท่องเที่ยวชนท้ายรถพ่วง 

รถพ่วงบรรทุกไก่ พุ่งออกจากซอยกะทันหัน ทำให้รถบัสนักท่องเที่ยวจีน 27 ชีวิต เบรกไม่ทัน พุ่งชนท้ายรถบรรทุกอย่างจัง นักท่องเที่ยวบาดเจ็บ 10 คน 

ร.ต.อ.ดิเรก พิมพา รองสารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรหนองใหญ่ รับแจ้งจากอาสากู้ภัยศีลธรรมสมาคมบ้านบึงจุดอำเภอหนองใหญ่ ว่ามีอุบัติเหตุรถบัสนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติชนกับรถบรรทุกไก่ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ช่วงบริเวณบนถนนสาย 344 ขาเข้าอำเภอแกลง กม.58/200 ต.เขาซก อ.หนองใหญ่ จึงรุดเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ 

ที่เกิดเหตุพบรถบัส 2 ชั้น ยี่ห้อเบนซ์ สีขาว หมายเลขทะเบียนป้ายเหลือง 33-8222 กรุงเทพฯ บรรทุกนักท่องเที่ยวจีนมา 27 คน จอดอยู่ข้างถนน บริเวณด้านหน้าข้างซ้ายรถพังยุบ กระจกแตก มีข้าวของกระจัดกระจายภายในรถ จากการตรวจสอบมีนักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บ 10 คน มีแผลถลอกฟกช้ำตามร่างกายเล็กน้อย อาสากู้ภัยปฐมพยาบาลเบื้องต้น ทั้งหมดไม่ประสงค์ไปโรงพยาบาล ส่วนรถคู่กรณีเป็นรถพ่วงบรรทุกไก่มาจำนวน 4,000 ตัว มีนายเศรษฐา ปาเตี้ย เป็นคนขับ  

จากการสอบสวนนายสยามรัตน์ กลีบเมฆ คนขับรถบัสเล่าว่า รับนักท่องเที่ยวชาวจีนมาจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าไปเที่ยวอ่าวมะขามป้อม อ.แกลง จ.ระยอง พอมาถึงที่เกิดเหตุ รถบรรทุกไก่ออกจากซอยกะทันหัน ทำให้หักหลบไม่ทัน หน้ารถไปชนส่วนท้ายรถพ่วง จนทำให้นักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บดังกล่าว 

เบนซ์ขับย้อนศร ชนเก๋งดับ 

เมื่อคืนที่ผ่านมา ร.ต.ท.ปิติพงษ์ ทองสีอ้น รอง สว.(สอบสวน) สภ.ชุมชนมหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งพุ่งชนประสานงากันมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต บนถนนทางหลวงหมายเลข 117 เส้นพิษณุโลก-นครสวรรค์ (ขาออกเมือง) หลัก กม. ที่ 123 หลังรับแจ้งจึงรุดตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิมิตรภาพมงคลธรรม ที่เกิดเหตุพบรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีบรอนซ์-เท่า หมายเลขทะเบียน กต 3371 พิษณุโลก สภาพด้านหน้าเสียหายพังยับเยิน 

ตรวจสอบพบผู้เสียชีวิตถูกอัดก๊อปปี้อยู่ที่เบาะนั่งฝั่งคนขับ กู้ภัยใช้เครื่องมือตัดถ่างงัดร่างออกมา ทราบชื่อคือ นายสำเริง  จันทรรักษ์ อายุ 41 ปี อยู่อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก นอกจากนี้ยังพบรถเบนซ์ คู่กรณี สภาพเสียหายยับเยิน กระจกหน้าแตก ส่วนนายอรรถรส ทองงามขำ อายุ 35 ปี คนขับได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ และมีรอยฟกช้ำตามร่างกาย กู้ภัยจึงช่วยกันนำผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลพุทธชินราช

จากการสอบสวนทราบว่า ขณะเกิดเหตุนายสำเริง ผู้เสียชีวิต กำลังขับรถไปรับแฟนสาวที่ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่พยาบาลโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร เมื่อขับมาถึงจุดเกิดเหตุมีรถเบนซ์ของนายอรรถรส ขับย้อนศรมา ทำให้พุ่งชนกันอย่างจังเสียงดังสนั่น ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว ทั้งนี้ ตำรวจจะสอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์หรือกล้องวงจรปิดในละแวกใกล้เคียง พร้อมกับจะสอบสวนคนขับรถเบนซ์ รวมถึงตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ เพื่อสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงและดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป. – สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]

“ภูมิธรรม” อุบตอบรายละเอียดถก GBC บอกทิศทางดี

ทำเนียบรัฐบาล 6 ส.ค.- “ภูมิธรรม” อุบตอบรายละเอียดถก GBC ไทย-กัมพูชา ขอพูดทีเดียวหลังเจรจา บอกทิศทางดี ด้าน “บิ๊กเล็ก” หวังพรุ่งนี้มีข่าวดี มั่นใจ 90% ยอมรับกังวลบ้าง แต่มีผู้สังเกตการณ์ประเทศอื่น เขมรคงไม่กล้า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และคณะรัฐมนตรีชุดเล็ก ว่า ที่ประชุมวันนี้ได้รับฟังข้อมูลจากคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ฝ่ายเลขานุการ รายงานผลการหารือ ในช่วงวันที่ 4-6 สิงหาคม จากการพูดคุยมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดี โดยจะแถลงรายละเอียดเมื่อมีการหารือเสร็จสิ้นในช่วงบ่ายของวันพรุ่งนี้ (7 ส.ค.68) ซึ่งการเจรจาในวันพรุ่งนี้ได้ให้แนวทาง พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อเข้าร่วมการประชุม เพื่อให้ได้ข้อยุติอย่างดีที่สุด พร้อมยืนยันว่าในการหารือครั้งนี้จะไม่มีการพูดคุยถึงเรื่องเขตแดนไทย-กัมพูชา ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ยังไม่สามารถตอบได้ ด้านพลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลังการประขุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ว่า มีความมั่นใจ […]