นนทบุรี 28 ม.ค. – กรณีทุบกุฏิวัดชลประทานรังสฤษดิ์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เพื่อปรับปรุงและก่อสร้างพื้นที่ท้ายวัดใหม่ ส่อเค้ายืดเยื้อ หลังมีผู้ร้อง ป.ป.ช. สอบเจ้าอาวาสกับพวก
จากกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. ขอให้ตรวจสอบเจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษดิ์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ร่วมกับหน่วยงานรัฐบางหน่วย จัดทำโครงการ 5 ส. ปรับปรุงสถานที่เขตกัมมัฏฐาน (บริเวณหลังวัด) ประกอบด้วยกุฏิที่พักอาศัยของสงฆ์ 71 หลัง โดยแจ้งให้พระสงฆ์ทราบว่าเป็นการปรับปรุงให้สวยงาม สะอาดขึ้น แต่กลับทุบกุฏิทิ้งแล้วมากกว่า 11 หลัง และให้พระออกจากกุฏิตั้งแต่กลางพรรษาที่แล้ว ทำให้พระจำนวนมากเดือดร้อน ทั้งไม่แจ้งญาติโยมที่เก็บอัฐิครอบครัวไว้ตามกุฏิต่างๆ รวมทั้งทำลายต้นพระศรีมหาโพธิ์ ต้นกล้าจากพุทธคยาเจดีย์ ที่ในหลวงรัชกาลที่ 10 พระราชทานให้ปลูกไว้ที่วัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ 5 ธันวาคม 2554 สร้างความกังวลใจให้กับชาวบ้าน เกรงว่าทางวัดจะทุบที่เก็บอัฐิเพิ่ม เพราะผูกพันกับวัดนี้ ไม่อยากย้ายไปที่อื่น
เช่นเดียวกับพระลูกวัด บอกว่าในการประชุมเจ้าอาวาสบอกจะพัฒนา ทำทางให้เดินสะดวก ตัดต้นไม้ที่สมควรตัด ซึ่งพระทุกรูปเห็นด้วย แต่นึกไม่ถึงว่าจะโดนทุบกุฏิทิ้ง เมื่อก่อนมีประมาน 80 กว่ากุฏิ แต่แบบใหม่จะสร้างลักษณะตึกแถว ใช้ห้องน้ำร่วมกัน แต่เชื่อว่าพระทุกรูปต้องการความเป็นส่วนตัวเหมือนเช่นกุฏิเก่า
ยันแค่ย้ายที่ปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ ไม่ได้โค่นทิ้ง
ในส่วนของต้นพระศรีมหาโพธิ์ นายสมพล ผู้ควบคุมดูแลการก่อสร้างของวัดชลประทานฯ ชี้แจงว่า ยังไม่ถูกตัดทิ้ง แต่ย้ายจากหน้าวัดติดกับถนน มาปลูกใหม่หน้าโบสถ์แทน เพื่อให้ดูสวยงามและเป็นสิริมงคลกับทางวัด แต่ตอนย้ายต้นพระศรีมหาโพธิ์มาลงหลุมที่ขุดไว้ปลูกใหม่ ลำต้นเดิมถูกดินที่นำมาถมจนลำต้นแตกยอดออกมาใหม่จนมีขนาดเท่าปัจจุบัน.-สำนักข่าวไทย