สทนช.เร่งแผนปฏิบัติการสร้างความมั่นคงน้ำช่วงแล้ง 62/63

กรุงเทพฯ 15 ธ.ค. – สทนช. เรียกประชุมทุกหน่วยงานเกี่ยวข้อง ร่วมทำแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาภัยแล้งปี 62/63 พื้นที่เสี่ยงขาดน้ำครอบคลุมทุกมิติ  เน้นย้ำเร่งปรับแผนจัดสรรน้ำให้สอดคล้องกับน้ำต้นทุน รวมทั้งจัดหาแหล่งน้ำสำรองในพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนโดยด่วน เตรียมชงแผนงาน โครงการ งบประมาณอุดช่องกระทบแล้ง เสนอ กนช.เห็นชอบ 20 ธ.ค.นี้



นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า สทนช.ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามผลการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำแผนป้องกันภัยแล้ง ปี 2562/2563 และการกำหนดพื้นที่แหล่งน้ำสำรองตามที่ได้รับมอบหมายจาก พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สามารถรับมือกับฤดูแล้งที่ใกล้จะมาถึงได้อย่างครอบคลุมทุกมิติประกอบด้วย 5 แผนปฏิบัติการหลัก ได้แก่ 1. แผนปฏิบัติการรองรับภาวะเสี่ยงการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค – บริโภค แบ่งเป็น ในเขตการประปานครหลวง (กปน.) พบว่า มีความต้องการใช้น้ำในเขตให้บริการช่วง พ.ย. 62 – เม.ย. 63 ประมาณ 1,500 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งแหล่งน้ำสนับสนุน ได้แก่ อ่างเก็บน้ำฯ ที่กรมชลประทานและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 1,260 ล้าน ลบ.ม. ส่วนที่เหลือ กปน. ได้จัดทำแผนสำรองโดยการขุดเจาะบ่อน้ำบาดาล 4 บ่อ ประกอบด้วย สถานีสูบจ่ายน้ำสำโรง สถานีสูบจ่ายน้ำมีนบุรี โรงงานผลิตน้ำบางเขน และสถานีสูบจ่ายน้ำลาดกระบัง ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนจัดซื้อจัดจ้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน มี.ค.63 ขณะที่ในเขตให้บริการของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ประเมินพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำในเขต กปภ. รวม 61 สาขา 31 จังหวัด ซึ่ง กปภ.ได้จัดสรรงบปกติแก้ไขปัญหา 706 ล้านบาท อาทิ การใช้น้ำจากชลประทาน แหล่งน้ำธรรมชาติ และแหล่งน้ำอื่น แต่พบว่ายังมีบางโครงการต้องขอรับการสนับสนุนงบกลางจัดสรรน้ำและจัดหาแหล่งน้ำเพิ่มเติม เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในเขต กปภ. โดยจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนของแผนงานโครงการ


สำหรับพื้นที่นอกเขตการให้บริการของ กปภ. ตามที่ สทนช.ชี้เป้าพื้นที่เสี่ยง 38 จังหวัด ที่ประชุมได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ดำเนินการสำรวจแหล่งน้ำใน 38 จังหวัดถึงระดับอำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน เพื่อจำแนกระดับความเสี่ยงพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำที่มีผลกระทบมาก ผลกระทบปานกลาง  ผลกระทบเล็กน้อย และไม่มีผลกระทบกระทบเลย เพื่อจัดลำดับแผนงานโครงการในการแก้ไขปัญหาระดับพื้นที่ โดย สถ.จะมีการหารือร่วมกับกรมทรัพยากรน้ำบาดาล (ทบ.) และหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา เพื่อเสนอแผนงาน โครงการ พร้อมงบประมาณที่ต้องขอรับการสนับสนุนให้ชัดเจนภายในวันที่ 17 ธันวาคมนี้ อาทิ ขุดเจาะบ่อดาล สนับสนุนรถแจกจ่ายน้ำ จัดทำธนาคารน้ำใต้ดิน ขยายเขตประปาหมู่บ้าน เป็นต้น 


2.แผนปฏิบัติการรองรับสถานพยาบาลเสี่ยงขาดแคลนน้ำ โดยสถานพยาบาลที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ 224 แห่ง สำรวจโดยกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พบว่า กปภ.สามารถส่งน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการ ขณะเดียวกัน สธ.ร่วมกับ กปภ.จัดหาแหล่งน้ำสํารองเพื่อรองรับในภาวะวิกฤติขาดแคลนน้ำ  ขณะที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลที่ สถ.ได้รับการถ่ายโอนจาก สธ.จากการสำรวจพบโรงพยาบาลที่มีความเสี่ยงขาดแคลนน้ำ  157 แห่ง แบ่งเป็นภาคเหนือ 99 แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 41 แห่ง ภาคกลาง 13 แห่ง และ ภาคตะวันออก 4 แห่ง  ซึ่ง สถ.อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำแผนปฎิบัติการรองรับภาวะเสี่ยงขาดแคลนน้ำในพื้นที่ดังกล่าวให้เสร็จและเสนอกลับมายัง สทนช.ภายในวันที่ 17 ธ.ค.นี้  3. แผนปฏิบัติการจัดหาแหล่งน้ำสำรองในพื้นที่การเกษตร (ไม้ผล-ไม้ยืนต้น) ที่ประชุมมอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตร (กสก.) และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ตรวจสอบข้อมูลไม้ผลยืนต้นระดับตําบลที่ไม่มีแหล่งน้ำสําหรับสนับสนุน แบ่งเป็นพื้นที่นอกเขตชลประทาน 34 จังหวัด ในเขตชลประทาน 4 จังหวัด พร้อมวางแผนปฏิบัติการรองรับให้แล้วเสร็จภายใน 17 ธ.ค. 62 

4. แผนปฏิบัติการจัดสรรน้ำแหล่งน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลาง โดยกรมชลประทาน (ชป.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ดำเนินการปรับแผนการจัดสรรน้ำใหม่ให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุน ซึ่งปัจจุบันได้มีการปรับแผนจัดสรรน้ำในอ่างฯ ขนาดใหญ่ 14 แห่ง อาทิ ภูมิพล สิริกิติ์ กระเสียว ขนาดกลาง 11 แห่ง รวมถึงควบคุมการจัดสรรน้ำอย่างเคร่งครัด และต้องประชาสัมพันธ์ในระดับพื้นที่รับทราบสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่องด้วย และ 5. แผนปฏิบัติการเตรียมเครื่องจักรเครื่องมือช่วยเหลือภัยแล้ง โดยจัดทำข้อมูลบัญชีเครื่องจักร-เครื่องมือของทุกหน่วยงานแยกเป็นรายภาคที่ชัดเจน ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เป็นหน่วยงานกลางในการประสานงาน เพื่อให้การสนับสนุนและช่วยเหลือประชาชนได้ทันที อาทิ รถบรรทุกน้ำ รถผลิตน้ำดื่ม เครื่องสูบน้ำ เป็นต้น

“ปริมาณน้ำต้นทุนปีนี้มีอยู่อย่างจำกัด จึงจำเป็นจะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานของภาครัฐในการจัดสรรน้ำให้เป็นไปตามแผน ปรับแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และปฏิบัติตามแผนที่วางไว้อย่างเคร่งครัด รวมถึงภาคประชาชนช่วยกันประหยัดน้ำ และคอยติดตามข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานเพื่อนำไปปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานเร่งจัดทำแผนปฏิบัติการรับรองภาวะเสี่ยงภัยแล้ง รวมทั้งงบประมาณที่จะขอรับการสนับสนุนงบกลาง  โดยเน้นเป็นแผนระยะสั้นสามารถดําเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำให้เสร็จฤดูแล้งนี้ ส่งให้ สทนช.พิจารณาภายในวันที่ 17 ธันวาคมนี้ เพื่อสรุปเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) วันที่ 20 ธันวาคมนี้พิจารณา ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป เพื่อดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างรอบด้าน และเกิดผลกระทบน้อยที่สุด” เลขาธิการ สทนช. กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Satellite images show wake of destruction of wildfires burning across California

เปิดปัจจัยที่ทำให้ไฟป่าแอลเอไหม้ลามหนัก

มีหลายปัจจัยที่ทำให้ไฟป่าในเทศมณฑลลอสแอนเจลิสหรือแอลเอ (LA) ในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐไหม้ลามเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นวิกฤตไฟป่าครั้งร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศ

รู้ตัวคนไทยพลัดตกตึกสูงฝั่งปอยเปต พบไม่ได้ถูกจับโยนลงมา

รู้ตัวคนไทยพลัดตกตึกสูง 18 ชั้น ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา เบื้องต้นพบไม่ได้ถูกจับโยนลงมา และอาคารดังกล่าวถูกระบุเป็นฐานบัญชาการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีคนไทยถูกหลอกไปทำงานที่นี่จำนวนมาก

Palisades Fire

สหรัฐสั่งอพยพกว่าแสนคนหนีไฟป่า 6 จุดในแคลิฟอร์เนีย

ลอสแอนเจลิส 9 ม.ค.- สหรัฐสั่งอพยพประชาชนมากกว่า 100,000 คน เนื่องจากจำนวนไฟป่าที่โหมไหม้ในเทศมณฑลลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนียเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 6 จุดแล้ว เพราะกระแสลมแรงเทียบเท่าเฮอริเคนและสภาพอากาศแล้ง เจ้าหน้าที่เผยว่า ในจำนวนไฟป่าทั้ง 6 จุด มีอยู่ 4 จุดที่ยังไม่สามารถควบคุมได้เลย ไฟป่าจุดแรก คือ พาลิเซดส์ไฟร์ (Palisades Fire) เกิดขึ้นช่วงเช้าวันที่ 7 มกราคมตามเวลาท้องถิ่นใกล้แปซิฟิก พาลิเซดส์ ซึ่งเป็นย่านที่พักอาศัยทางตะวันตกเฉียงเหนือของเทศมณฑล ต้นเพลิงมาจากไฟไหม้พุ่มไม้ที่โหมไหม้จนเกินควบคุมเพราะกระแสลมแรง ต้องอพยพคนอย่างน้อย 30,000 คน ไฟป่าจุดที่ 2 คือ อีตันไฟร์ (Eton Fire) เกิดขึ้นในเย็นวันเดียวกันที่หุบเขาอีตันแคนยอน เผาไหม้พื้นที่ขยายวงกว้างมากพอ ๆ กับไฟป่าจุดแรก ไฟป่าจุดที่ 3 คือ เฮิร์ตส์ไฟร์ (Hurst Fire) เกิดขึ้นกลางดึกวันเดียวกันในย่านซิลมาร์ของนครลอสแอนเจลิส จากนั้นในเช้าวันที่ 8 มกราคมเกิดไฟป่าจุดที่ 4 คือ วูดลีไฟร์ […]

ข่าวแนะนำ

จับนายอำเภอเหนือคลอง เรียกรับเงินผู้รับเหมา แลกจบงาน

ตำรวจแถลงผลปฏิบัติการ “ไม่จ่าย ไม่จบ” จับนายอำเภอเหนือคลอง จ.กระบี่ พร้อมเจ้าหน้าที่ปกครอง เรียกรับเงินใต้โต๊ะบริษัทรับเหมา 50,000 บาท แลกจบงาน

นายกฯ เผยไม่มีคนไทยบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุไฟป่าแอลเอ

นายกฯ เผย ไม่มีคนไทยได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต จากเหตุไฟป่าที่แอลเอ มีเพียงร้านอาหารไทยที่ได้รับความเสียหาย สั่ง กงสุลเปิดศูนย์ช่วยเหลือคนไทย