ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ 11 ธ.ค.-ผอ.ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ ห่วงความเข้าใจพฤติกรรมเพศสัมพันธ์เปลี่ยนไป แค่กินยาเพร็พก็ปลอดภัยไม่จำเป็นต้องใส่ถุงยางอนามัย ย้ำยาเพร็พ แค่ช่วยลดการแพร่เชื้อ ต้องรับประทานยา 6 เดือน แต่การสวมถุงยางช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
ศ.กิตตุคุณ นพ.ประพันธ์ ภานุภาค ผอ.ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย กล่าวถึงกรณีข่าวพฤติกรรมของผู้ติดเชื้อเอชไอวีบางคน ที่แค่แจ้งคู่นอนว่าติดเชื้อแต่ไม่สวมถุงยางอนามัย ว่า พฤติกรรมการไม่สวมถุงยางอนามัย ในผู้ติดเชื้อ ต่อเมื่อรับประทานยาเพร็พมาแล้วกว่า 6 เดือน แม้ยาเพร็พจะให้ผลดี 100 เปอร์เซนต์ไม่พบการแพร่เชื้อ แต่การมีคู่นอนหลายคน การหวังพึ่งแต่ยาเพร็พนั้นอาจไม่ดีพอ เพราะการสวมถุงยางอนามัย ถือเป็นการป้องกันโรคพื้นฐาน ในกลุ่มโรคจากเพศสัมพันธ์ ยาเพร็พเหมาะสำหรับคนที่มีคู่นอนแค่คนเดียว การมีคู่นอนหลายคน ควรใช้ทั้งยาเพร็พ และถุงยางอนามัยควบคู่กัน
ศ.กิตติคุณ นพ.ประพันธ์ กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์โรคเอดส์ในไทย ยังไม่ลดลง คงที่พบอัตราผู้ป่วยรายใหม่ 6,000-7,000 คนต่อปี เป็นกลุ่มผู้มีอายุน้อยและวัยทำงาน ขณะที่อัตราการเสียชีวิตจากเอดส์กลับเพิ่มถึง 2 เท่าครึ่ง ของอัตราผู้ป่วยรายใหม่ แสดงให้เห็นว่า เป็นไปได้ ที่ผู้ป่วยมีเพิ่มแต่มาตรวจ การมียาที่สามารถลดการแพร่เชื้อ อย่างเพร็พ แต่ต้องร่วมกับบริการการตรวจรักษาที่รวดเร็ว จึงจะทำให้เชื้อเอชไอวีและเอดส์ หมดไปจากประเทศไทย ตามเป้าในปี 2573 .-สำนักข่าวไทย