“วัชระ” จี้ นายกฯ เร่งจัดการกรณีขยายเวลาสร้างรัฐสภาใหม่

กรุงเทพฯ 10 ธ.ค.- “วัชระ” แฉ ขยายเวลาสร้างรัฐสภาใหม่ทำชาติเสียหาย จี้ นายกฯ จัดการด่วน


นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยความไม่ชอบมาพากลในเรื่องการขยายเวลาการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ที่มีนายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้ลงนามขยายสัญญาก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ครั้งที่ 4 ให้แก่ผู้รับเหมา จำนวน 382 วัน ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2562 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563 เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2562   ทั้งๆ ที่มีข้อสังเกตจากกลุ่มงานพัสดุ สำนักการคลังและงบประมาณแล้วว่า อาจขัดต่อสัญญาได้ และเสนอให้สำนักกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเสนอความเห็นในเรื่องนี้ แต่นายสรศักดิ์รวบรัดรีบลงนามอนุมัติในวันที่ 4 ธันวาคม 

“เท่ากับว่านายสรศักดิ์ขยายระยะเวลาก่อสร้างให้กับบริษัทผู้รับเหมาทั้งสิ้น 1,864 วัน และเมื่อบวกกับสัญญาการก่อสร้างเดิม 900 วัน เท่ากับใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 2,764 วัน หรือ นานเกือบ 8 ปี  การขยายเวลาก่อสร้างแต่ละวัน  สภาฯ ต้องจ่ายเงินภาษีของประชาชนวันละประมาณ 2 ล้านบาท เมื่อขยายเวลาไปนานถึง 1,864 วัน สภาฯ ก็ต้องจ่ายเงินทั้งที่ไม่ควรจ่ายมากถึงกว่า 3,728 ล้านบาท ซึ่งในความจริง ตามสัญญาหากก่อสร้างไม่เสร็จในระยะเวลาที่กำหนด 900 วัน บริษัทผู้รับเหมาต้องจ่ายค่าปรับให้สภาวันละ 12,280,000 บาท เมื่อคูณจำนวนวันที่ล่าช้าในการขยายเวลา 3 ครั้งในยุค คสช. จำนวน 1,482 วัน บริษัทผู้รับเหมาต้องจ่ายเงินค่าปรับให้กับประเทศชาติเป็นเงินกว่า 18,000 ล้านบาท” นายวัชระ กล่าว


นายวัชระ กล่าวว่า ขณะนี้ปรากฎหลักฐานเป็นที่แน่ชัดว่า ตั้งแต่การขยายเวลาครั้งที่ 3 จำนวน 674 วัน คือ ตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธุ์ 2561 ถึง 15 ธันวาคม 2562 นายสรศักดิ์อ้างเหตุจากความล่าช้าในการส่งมอบพื้นที่ของโรงเรียนโยธินบูรณะ แต่ปรากฏว่าขัดแย้งกับหนังสือของนายสรศักดิ์เอง ที่ยืนยันว่าได้ส่งมอบพื้นที่ทั้งหมดให้บริษัทผู้รับเหมาแล้ว ตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2559 ซึ่งนายสรศักดิ์ ก็เป็นประธานคณะกรรมการตรวจการจ้างที่ขยายเวลาก่อสร้างให้บริษัทผู้รับเหมาครั้งแรก 387 วัน จากเดิมคณะกรรมการตรวจการจ้างในยุคนายจเร พันธุ์เปรื่อง เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรในขณะนั้น ให้ขยายเพียง 287 วัน เมื่อเสนอให้นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. พิจารณา นายจเรกลับถูกคำสั่งตาม ม.44 ย้ายไปนั่งตบยุงในทำเนียบ

“จากกรณีนี้ทำให้บริษัทผู้รับเหมามีหนังสือเรียกค่าเสียหายจากสำนักงานสภาผู้แทนราษฎรแล้วกว่า 1,600 ล้านบาท เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2559  ทั้งๆ ที่สภาฯ ควรจะเป็นฝ่ายปรับบริษัทผู้รับเหมา จึงเป็นที่น่าสังเกตว่า การขยายเวลาการก่อสร้าง เป็นการเอื้อประโยชน์กับบริษัทผู้รับเหมาโดยมิชอบหรือไม่  ทำให้ประเทศชาติต้องเสียเงินภาษีอากรของประชาชนจำนวนมหาศาล  เหตุใดสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรไม่รักษาผลประโยชน์ของชาติ ไม่ปรับวันละ 12 ล้านบาท แต่กลับขยายเวลาก่อสร้างให้ผู้รับเหมาไปเรื่อยๆ ถ้าเป็นบริษัทเอกชนทั่วไปจะทำได้หรือไม่” นายวัชระ กล่าว

นายวัชระ ยังฝากถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่พูดในวันต่อต้านการคอร์รัปชั่นสากลว่า คนทุจริตคือคนไม่ดี เก่งหาช่องโหว่กฎหมายทำจนได้ ว่า นายกรัฐมนตรีจะหันมาสนใจแก้ปัญหาการทุจริตการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่บ้างหรือไม่         . – สำนักข่าวไทย    


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

หนุ่มอุดรฯ ดวงเฮง ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ 45 ล้านบาท

สุดเฮง! หนุ่มอุดรฯ ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ รับเงินรางวัล 45 ล้านบาท ลูกสาวเผยพ่อเป็นคนชอบทำบุญ ก่อนหน้านี้เพิ่งโทรมาบอกให้ใส่บาตร เชื่อผลบุญหนุนโชคลาภ

สามีภรรยาจากอยุธยารับ “เจ้าจอร์จ” ไปดูแล

สามีภรรยาใจบุญจาก จ.พระนครศรีอยุธยา ขอรับ “เจ้าจอร์จ” สุนัขพันธุ์อเมริกันบูลลี่ ไปอุปการะแล้ว หลังกัดแทะร่างพระเจ้าของที่มรณภาพในกุฏิด้วยโรคประจำตัว

ดีเอสไออนุมัติสืบสวนคดีแตงโม คาดตั้งชุดเริ่มสืบได้ 27 ม.ค.นี้

อธิบดีดีเอสไอ อนุมัติให้สืบสวนคดีแตงโม ว่ามีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ คาดเริ่มได้ 27 ม.ค.นี้