กรุงเทพฯ 8 ธ.ค. – ก.เกษตรฯ เดินหน้าเพิ่มศักยภาพการผลิตสินค้าเนื้อโค พร้อมรับมือสิ้นสุดมาตรการ SSG ไทย-นิวซีแลนด์ ปี 63 ชูกองทุน FTA ช่วยเหลือเกษตรกร
นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงการเปิดตลาดและการนำเข้าสินค้าเกษตรตามมาตรการปกป้องพิเศษ (Special Safeguard) หรือ SSG ภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นไทย – นิวซีแลนด์ (TNZCEP) ว่า ปัจจุบันไทยยังมีสินค้าที่ใช้มาตรการ SSG 18 รายการ และจะสิ้นสุดมาตรการวันที่ 31 ธันวาคม 2563 และตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป สินค้าทั้ง 18 ชนิด ลดภาษีเป็นร้อยละ 0
นายระพีภัทร์ กล่าวว่า หากพิจารณาสินค้า SSG ที่ไทยนำเข้าจากนิวซีแลนด์ค่อนข้างสูง พบว่ามีเพียง 3 รายการ จาก 18 รายการ ได้แก่ นมและครีม เนื้อโคกระบือ และเครื่องในโคกระบือ ซึ่งจากข้อมูลปี 2559 – 2561 พบว่า ไทยนำเข้าสินค้านมและครีมจากนิวซีแลนด์เฉลี่ย 44,440 ตัน/ปี โดยปี 2563 ไทยกำหนดปริมาณนำเข้า สำหรับภาษีร้อยละ 0 จำนวน 51,973 ตัน แต่หากเกินเพดานที่กำหนดต้องเสียภาษีร้อยละ 5 หรือร้อยละ 18 สำหรับสินค้าเนื้อโคกระบือ ไทยนำเข้าจากนิวซีแลนด์เฉลี่ย 2,531 ตัน/ปี โดยปี 2563 ไทยกำหนดปริมาณนำเข้า สำหรับภาษีร้อยละ 0 จำนวน 1,039.46 ตัน และหากเกินเพดานที่กำหนดต้องเสียภาษีร้อยละ 50 ส่วนสินค้าเครื่องในโคกระบือ ไทยนำเข้าจากนิวซีแลนด์เฉลี่ย 2,738 ตัน/ปี ทั้งนี้ ปี 2563 ไทยกำหนดปริมาณนำเข้า สำหรับภาษีร้อยละ 0 จำนวน 1,247 ตัน และหากเกินเพดานที่กำหนด ต้องเสียภาษีร้อยละ 30 ส่วนสินค้าอื่น ๆ เช่น เนื้อสุกร เครื่องในสุกร เนยแข็ง และผลิตภัณฑ์ที่มีนมเป็นส่วนประกอบ พบว่า ไทยไม่ใช่ตลาดส่งออกหลักของนิวซีแลนด์ จึงนำเข้าจากนิวซีแลนด์ไม่มาก
ทั้งนี้ ตั้งแต่ 1 มกราคม 2564 สินค้าทั้ง 3 รายการจะสิ้นสุดมาตรการ คือ ลดภาษีเป็นร้อยละ 0 โดยไม่จำกัดปริมาณนำเข้า ดังนั้น สศก.จึงร่วมกับหน่วยงานภายในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อเตรียมการรองรับผลกระทบที่อาจเกิดจากการเปิดตลาดสินค้าเกษตรภายใต้กรอบความตกลง TNZCEP โดยเฉพาะสินค้าเนื้อโคและผลิตภัณฑ์และผลิตภัณฑ์นม ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีกองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ (กองทุน FTA) เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในกรณีที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า ด้วยการแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่า และปรับโครงสร้างการผลิตเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยที่ผ่านมาได้ให้ความช่วยเหลือในการดำเนินการด้านปศุสัตว์ไปแล้ว 18 โครงการ อาทิ โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตโคขุนคุณภาพสูง โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโคเนื้อ และโครงการจัดตั้งฟาร์มโคนมประสิทธิภาพสูง
นอกจากนี้ ภายใต้ความตกลง TNZCEP ไทยและนิวซีแลนด์มีโครงการความร่วมมือสำหรับพัฒนาศักยภาพการผลิตโคนมของไทยอีกด้วย ซึ่งเชื่อมั่นว่าผู้ผลิตในประเทศจะพัฒนาและสามารถเพิ่มศักยภาพการผลิตได้ อีกทั้งยังสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากสินค้าดังกล่าวนำไปสู่การเติบโตของอุตสาหกรรมโคเนื้อและโคนมของไทยได้ในอนาคต สำหรับเกษตรกรที่ต้องการขอคำแนะนำจากกองทุน FTA สามารถสอบถามได้ที่ โทร. 0 2561 4727 หรือ Email: fta.oae@gmail.com หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมที่ www2.oae.go.th/FTA.-สำนักข่าวไทย