กทม.27 พ.ย.- นายกเทศบาลฯเพชรพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ยื่นกองปราบช่วยเหตุเข้ารื้อถอนรีสอร์ตรุกที่สาธารณะแล้วถูกขัดขวาง พร้อมเปิดข้อมูลผู้อยู่เบื้องหลัง
นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมนายพิทยา อินทร์คง นายกเทศบาลตำบลเพชรพะงัน อ.เกาะพงัน จ.สุราษฎร์ธานี ยื่นเรื่องต่อ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการปราบปราม เพื่อความผิดกลุ่มบุคคลรวม 11 ราย ส่วนใหญ่เป็น นายทุนคนไทยบุกรุกที่ดินอันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน สำหรับพลเมืองใช้ประโยชน์ร่วมกัน (หาดแหลมสน) รวม 119 ไร่ ในข้อหา บุกรุก ที่สาธารณะประโยชน์ ฯลฯ
นายพิทยา กล่าวว่า เดิมเมื่อปี 2520 มีการทำเหมืองแร่ในพื้นที่ดังกล่าว มีการขุดทรายมาถมในทะเล ทำให้เกิดพื้นที่งอกขึ้นมา 119 ไร่ ต่อมามีกลุ่มนายทุนรวม 12 รายบุกรุก ก่อสร้างที่พักอาศัยและรีสอร์ท บางรายให้ชาวต่างชาติเช่าช่วงต่อ ทำให้เกิดความเสียหายโดยประชาชนไม่สามารถใช้พื้นที่สาธารณะประโยชน์ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเกาะพะงัน ได้ต่อมามีการฟ้องร้องดำเนินคดีกันจนเมื่อปี 2546 ศาลฎีกามีคำพิพากษาให้ที่พื้นดังกล่าว เป็นที่สาธารณะประโยชน์ประเภทพลเมืองใช้ร่วมกัน แต่กลุ่มนายทุนกลับไม่มีการย้ายออกจากพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมาเทศบาลพยายามเคลื่อนไหวประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการรื้อถอนแต่ไม่เป็นผลสำเร็จ ต่อมาเมื่อ 15 ต.ค. 2562 เทศบาลตำบลเพชรพะงัน พยายามเข้าดำเนินการรื้อถอน แต่ถูกกำนันตำบลเกาะพะงัน เป็นแกนนำประชาชนขัดขวางการรื้อถอนของเจ้าหน้าที่ จึงเข้าร้องทุกข์กับผู้บุกรุกที่สาธารณะประโยชน์ ขัดขวางการดำเนินการของพนักงานในการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต กระทั่งเมื่อวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา ปลัดเทศบาล และ ผอ.กองช่างกลับถูกผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ย้ายออกนอกพื้นที่ หลังมีความพยายามเข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่บุกรุกพื้นที่ดังกล่าว จึงต้องมาร้องทุกข์ต่อกองปราบปรามให้ช่วยเหลือ เชื่อว่ามีกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่อยู่เบื้องหลังทำให้ไม่สามารถดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและรีสอร์ทบุกรุกที่สาธารณะประโยชน์ได้
ด้านนายรณณรงค์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวคล้ายคลึงกรณี ส.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ บุกรุกพื้นที่สาธารณะประโยชน์ที่จังหวัดราชบุรี เมื่อเจ้าหน้าที่เทศบาลพยายามดำเนินการตามคำสั่งศาลแต่กลับถูกผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีโยกย้ายโดยไม่เป็นธรรม แสดงให้เห็นว่ามีปัญหาในเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย จึงต้องออกมาต่อสู้และเรียกร้องความเป็นธรรมให้ชาวบ้านในพื้นที่ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนกองปราบ ได้รับเรื่องไว้ ดำเนินการก่อนเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป.-สำนักข่าวไทย

