2 คนร้ายดับในเหตุปะทะปัตตานี พบเป็นแกนนำระดับปฏิบัติการ

ปัตตานี 22 พ.ย.- เหตุปะทะเดือดในพื้นที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อคืนที่ผ่านมา คนร้ายเสียชีวิต 2 ราย เจ้าหน้าที่นำลายนิ้วมือของทั้ง 2 คน ไปตรวจเปรียบเทียบพบเป็นแนวร่วมผู้ก่อความไม่สงบแกนนำระดับปฏิบัติการ เคยร่วมก่อเหตุในคดีดังหลายคดี


การปฏิบัติเมื่อคืนที่ผ่านมา เป็นผลมาจากการแจ้งข่าวของแหล่งข่าวภาคประชาชนว่า พบบุคคลต้องสงสัยจำนวน 2 ราย เข้ามาพักหลบซ่อนตัวในพื้นที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เจ้าหน้าที่จึงจัดกำลังร่วม 3 ฝ่าย เข้าตรวจสอบ พร้อมกับประสานผู้นำ 4 เสาหลักเข้าร่วมเจรจา แต่ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังเตรียมการจะปิดล้อม คนร้ายใช้อาวุธปืนยาวและปืนสั้นไม่ทราบชนิด ตลอดจนใช้ระเบิดขว้างใส่เจ้าหน้าที่จำนวนหลายลูก เพื่อเปิดทางหลบหนี จากนั้นคนร้ายยิงปืนใส่เจ้าหน้าที่อีกครั้ง และเกิดการปะทะกันเป็นครั้งที่ 2 กระทั่งเวลาประมาณ 23.30 น.เสียงปืนสงบลง เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบว่า มีคนร้ายเสียชีวิตจำนวน 2 ราย บริเวณหลังบ้าน 1 ราย และบริเวณชั้นลอยของตัวบ้านอีก 1 ราย ส่วนเจ้าหน้าที่ปลอดภัย


จากการตรวจสอบในตัวคนร้ายทั้ง 2 ราย ไม่พบหลักฐาน เจ้าหน้าที่จึงยึดอาวุธปืนขนาด 9 มม. และขนาด 11. มม. ของคนร้าย จำนวน 2 กระบอก ซึ่งตกอยู่ข้างตัว และควบคุมตัวนายอับดุลเลาะ โต๊ะรายอ อายุ 27 ปี เจ้าของบ้านที่คนร้ายหลบซ่อน โดยใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก นำตัวเข้าไปยังศูนย์ซักถามหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 สำหรับผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย ส่งไปตรวจชันสูตรที่โรงพยาบาลหนองจิก อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เพื่อมอบให้ญาตินำไปประกอบพิธีศาสนาต่อไป


ทั้งนี้ พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.รมน.ภาค 4 สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง และไม่ให้เกิดผลกระทบกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กและสตรี พร้อมทั้งสั่งการให้ทุกหน่วยจัดกำลังจรยุทธ์กระจายในทุกพื้นที่ โดยเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงและชุมชนล่อแหลมเป็นสำคัญ

อย่างไรก็ตาม ในห้วงที่ผ่านมาได้พบข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนร้ายเข้ามาในหลายพื้นที่ จึงขอฝากไปยังผู้ให้ที่พักพิงกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมีโทษเสมอเทียบเท่ากับผู้ก่อเหตุรุนแรงทุกประการ จึงขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตา

ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ ผู้สื่อข่าวเดินทางไปบ้านที่เกิดเหตุการณ์ปะทะ บรรยากาศโดยทั่วไปกลับคืนสู่สภาวะปกติ เจ้าหน้าที่ยังคงใช้ผ้าใบปิดกั้นบริเวณบ้านดังกล่าว เพื่อความปลอดภัย โดยมีนางสตียาเราะ แวซู อายุ 63 ปี เจ้าของบ้าน พร้อมทั้งหลานสาว เดินทางมาดูบ้านของตัวเองที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ปะทะ มีชาวบ้านที่ทราบข่าวเดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจอย่างไม่ขาดสาย

นางสตียาเราะ กล่าวว่า เมื่อคืนตนต้องไปอาศัยนอนที่บ้านของญาติในพื้นที่ ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนก็ไม่ทราบจะทำอย่างไร บ้านที่เสียหาย ตนก็ไม่มีความสามารถที่จะซ่อมแซมได้ เนื่องจากตนเองเพิ่งสูญเสียสามีได้เพียง 3 เดือนเท่านั้น จึงได้แต่ขอวิงวอนให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านของตนให้กลับมามีสภาพดังเดิม ส่วนคนร้ายที่เสียชีวิตตนขอยืนยันว่าไม่ได้รู้จักแต่อย่างใด เพียงแค่คนร้ายขอมาพักอาศัยหลับนอนเพียงคืนเดียว ซึ่งก่อนเกิดเหตุ คนร้ายทั้งสองก็บอกว่ากำลังรอคนมารับออกจากที่นี้ แต่ก็เกิดเรื่องเสียก่อน ตนเองก็เสียกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้

  

สำหรับความคืบหน้าของคดี เจ้าหน้าที่นำลายนิ้วมือของคนร้ายทั้ง 2 คน ไปเปรียบเทียบกับแฟ้มประวัติของคนร้าย จนสามารถสืบทราบว่า คนร้ายทั้ง 2 คน คือ นายซอบรี หลำโสะ และนายมะยะโก๊ะ ลาเตะ เป็นแนวร่วมผู้ก่อความไม่สงบแกนนำระดับปฏิบัติการ โดยเฉพาะนายนายซอบรี หลำโสะ ถือเป็นแนวร่วมที่เป็นที่ต้องการของเจ้าหน้าที่ เนื่องจากเคยร่วมก่อเหตุในหลายคดี คดีดังๆ ที่เชื่อมโยงกับทีมปฏิบัติการ เช่น คาร์บอมบ์หน้าห้างบิ๊กซีปัตตานี เมื่อ 9 พ.ค.60, คดีปล้นรถกระบะ 6 คัน จากเต็นท์รถ “วังโต้ คาร์เซ็นเตอร์” ใน อ.นาทวี จ.สงขลา นำไปทำคาร์บอมบ์ เมื่อ 17 ส.ค.ปีเดียวกัน นอกจากนั้นยังเชื่อมโยงคดีโจมตีจุดตรวจ ชคต.บ้านกอแลปิเละ ต.ปะกาฮารัง อ.เมือง จ.ปัตตานี มีผู้เสียชีวิต 4 ราย เมื่อวันที่ 23 ก.ค.62.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก