กรุงเทพฯ 21 พ.ย. – อดีตเลขาฯ ส.ป.ก.ระบุ ส.ป.ก.สามารถฟ้องร้องคดีแพ่งผู้บุกรุกที่ดินได้ ตามประมวลกฎหมายการป่าไม้หากผู้ครอบครองยังไม่ออกจากพื้นที่ป่าไม้ถือเป็นการกระทำผิดต่อเนื่อง หน่วยงานที่รับผิดชอบแจ้งความดำเนินคดีได้ทันที สำหรับตามประมวลกฎหมายอาญานั้น หากเข้าครอบครองพื้นที่เกินกว่า 10 ปี ไม่สามารถดำเนินคดีอาญาได้ เนื่องจากหมดอายุความ
นายสรรเสริญ อัจจุตมานัส อดีตเลขาธิการ สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กล่าวถึงการร้องทุกข์กล่าวโทษผู้ที่ยึดถือครอบครองที่ดินรัฐโดยมิชอบด้วยกฎหมายนั้น สามารถทำได้ ขอให้ดำเนินการอย่างจริงจัง สมัยดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ส.ป.ก.ปี 2558-2559 ตรวจสอบที่ดิน ส.ป.ก. ซึ่งมีประมาณ 40 ล้านไร่ทั่วประเทศ พบว่าจัดสรรไปแล้ว 36 ล้านไร่ เหลือที่ยังจัดสรรไม่ได้ 4 ล้านไร่ ในจำนวนนี้รังวัดแล้ว 2 ล้านไร่ ส่วนอีก 2 ล้านไร่ยังไม่ได้รังวัด ทั้งนี้ เป็นการดำเนินงานต่อจากนายวีรชัย นาควิบูลย์วงศ์ อดีตเลขาธิการ ส.ป.ก. ซึ่งดำรงตำแหน่งระหว่างปี 2554-2558 ประสงค์ตรวจสอบให้แน่ชัดว่าพื้นที่ 2 ล้านไร่ที่ยังไม่ได้รังวัดอยู่บริเวณใดบ้าง เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการจัดสรรสิทธิ์ ซึ่งพบว่าหลายแปลงถูกยึดถือครอบครองโดยนักการเมือง นายทุน และผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น จึงได้สั่งเอาแผนที่ทั่วประเทศมาต่อกัน จึงทราบว่าบริเวณใดยังไม่ได้รังวัด
นายสรรเสริญ กล่าวอีกว่า ขณะนั้นต้องการนำพื้นที่ที่ถูกครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมายกลับคืนมาให้รัฐ จึงเสนอ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขณะนั้นให้ใช้คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 36/2559 ตามมาตรา 44 ดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่ง พล.อ.ฉัตรชัย มีดำริให้ยึดคืนกับที่ดินขนาด 500 ไร่ขึ้นไปก่อน ทาง ส.ป.ก.จึงกำหนดแนวทางดำเนินการโดยเรียกผู้ครอบครองมาแสดงตัว ถ้าไม่มาแสดงตัวหรือไม่มีหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ ตลอดจนครอบครองพื้นที่เกิน 500 ไร่จะยึดคืนทันที ส่วนปัจจุบันยังพบว่ามีผู้ครอบครองที่ดิน ส.ป.ก.เกิน 500 ไร่ เนื่องจากมีการปกปิดจากผู้ว่าราชการจังหวัดและปฏิรูปที่ดินจังหวัดว่า พื้นที่นั้น แม้แบ่งแปลงให้มีเนื้อที่ต่ำกว่า 500 ไร่ แต่อยู่ติดกันและครอบครองโดยบุคคลเดียวกันขณะนั้นจึงใช้มาตรา 44 ยึดคืนไม่ได้หมด
นายสรรเสริญ กล่าวว่า กรณีที่มีการเข้าไปบุกรุกปลูกสร้างที่พักอาศัยและสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ในพื้นที่ป่า อันเป็นการยึดถือครองที่ดินของรัฐโดยมิชอบด้วยกฎหมายเป็นการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 (1) ถ้าบุกรุกเนื้อที่เกิน 50 ไร่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับตามมาตรา 108 ทวิ ซึ่งจะถือว่ามีความผิดครั้งแรกที่เข้าไป แต่กฎหมายมีอายุความ 10 ปี หากไม่ได้ดำเนินการ เมื่อขาดอายุความไม่สามารถดำเนินคดีอาญาได้แล้ว แต่ตามประมวลกฎหมายการป่าไม้ซึ่งหากบุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครองนับเป็นความผิดต่อเนื่องไม่มีอายุความ โดยใน พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2485 มาตรา 54 หากบุกรุกเนื้อที่เกิน 25 ไร่ มีโทษจำคุกตั้งแต่ 2-15 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 – 1000,000 บาท ตามมาตรา 72 ตรี เป็นต้น
ทั้งนี้ คณะกรรมการกฤษฎีกาเคยทำหนังสือมาถึง ส.ป.ก.ว่าทำไมที่ดิน ส.ป.ก.จึงมีการถือครองเกิน 50 ไร่ ซึ่ง ส.ป.ก.ชี้แจงกลับไปว่าก่อนเป็นที่ของ ส.ป.ก.เป็นที่ของกรมป่าไม้มาก่อน โดยส่งมอบมาให้จัดสรร เมื่อ ส.ป.ก.รับมามีผู้ครอบครองมาก่อนแล้ว ซึ่ง ส.ป.ก.ต้องไปรังวัด ซึ่งผู้ครอบครองรายย่อยแสดงตัวแล้วได้รับเอกสารสิทธิ์ ส.ป.ก. 4-01 ไป แต่ผู้ครอบครองรายใหญ่ไม่ยอมให้รังวัด เมื่อสอบถามไปผู้ใหญ่บ้าน บอกชื่อผู้ครอบครองมาเจ้าหน้าที่ระดับจังหวัดบางส่วนทราบว่าเป็นผู้มีอิทธิพลจึงถอยไม่ดำเนินการต่อ ต่อมาได้เปลี่ยนตัวเจ้าหน้าที่และกำชับให้ดำเนินการอย่างถูกต้อง โดยขอความร่วมมือจากผู้ใหญ่บ้านให้ระบุผู้ครอบครอง ทางผู้ใหญ่บ้านส่วนใหญ่ไม่ระบุว่าใครเป็นเจ้าของ ปัญหาการครอบครองที่ดิน ส.ป.ก.โดยมิชอบด้วยกฎหมายจึงเรื้อรังมาจนปัจจุบัน
“หากภาครัฐจะดำเนินการอย่างจริงจัง โดยไม่ยำเกรงการใช้อิทธิพลของผู้ครอบครองนั้น ในส่วนของ ส.ป.ก. สามารถแจ้งความดำเนินคดีทางแพ่งฐานบุกรุกที่ของรัฐและเรียกร้องค่าเสียหายจากการเข้าทำประโยชน์โดยมิชอบ ตลอดจนค่าชดเชยจากการเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ของรัฐ รวมทั้งหากพิสูจน์ได้ว่า ครอบครองเกินกว่า 500 ไร่ ส.ป.ก.สามารถดำเนินการตามมาตรา 44 กำหนดเป็นพื้นที่เป้าหมาย เพื่อยึดคืนได้แล้วนำเข้าสู่กระบวนการจัดสรรสิทธิ์ใหม่ โดยกลไกการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐ (คทช.) ส่วนตามประมวลกฎหมายป่าไม้สามารถดำเนินคดีได้ทั้งตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติและ พ.ร.บ. ป่าไม้ ซึ่งไม่มีอายุความ” นายสรรเสริญ กล่าว
มีรายงานว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบการครอบครองที่ดินของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส. ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ วันที่ 29 พฤศจิกายนนี้ เพื่อตรวจสอบการครอบครองที่ดินตามที่ น.ส.ปารีณา แจ้งบัญชีทรัพย์สิน เพื่อตรวจสอบความมีอยู่จริงของทรัพย์สินและสอดคล้องกับที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. หากไม่สอดคล้องกับที่แสดงบัญชีทรัพย์สินไว้จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย
