กทม. 19 พ.ย.-ผบช.ภ.2 สั่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงนายตำรวจกร่างยิงปืนขึ้นฟ้า ยังไม่มีการสอบปากคำและมอบหลักฐานจากที่เกิดเหตุอุบัติเหตุรถ 2 คันเฉี่ยวชนกันบนสะพานไทย-ญี่ปุ่น ถนนพระราม 4
ความคืบหน้ากรณีนายตำรวจตำแหน่งรองผู้บังคับการ เจ้าของรถเบนซ์อี 200 สีดำ จอดเสียอยู่บนสะพานไทย-ญี่ปุ่น ถนนพระราม 4 แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ใช้ปืนยิงข่มขู่นายชนะชล เปราะแดง อายุ 26 ปี ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ และนายณัฐยุทธ เหล่ากิจเขต อายุ 43 ปี คนขับรถยนต์นิสสัน ซึ่งเป็นคู่กรณีที่เกิดอุบัติเหตุขับรถเฉี่ยวชนกันเมื่อคืนที่ผ่านมา ทั้งยังเดินไปดึงกล้องจากหน้ารถกู้ชีพ ก่อนจะมีรถอีกคันมารับตัวไป ซึ่งภายหลังเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบรถเบนซ์ พบหมวกตำรวจ และบัตรข้าราชการ ระบุยศ พ.ต.อ. ตามที่ได้มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดพนักงานสอบสวนเรียกนายชนะชล เปราะแดง อายุ 26 ปี ผู้ขับขี่จักรยานยนต์ และนายณัฐยุทธ เหล่ากิจเขต อายุ 43 ปี คนขับรถยนต์นิสสัน เข้าให้ปากคำ โดยนายณัฐยุทธมีร่องรอยปากแตกอย่างเห็นได้ชัดจากการถูกนายชนะชลทำร้าย ส่วนบริเวณด้านหน้า สน.ทุ่งมหาเมฆ มีกลุ่มชายฉกรรจ์และเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบภายในรถเบนซ์สีดำของนายตำรวจระดับรองผู้การ ซึ่งปัจจุบันช่วยราชการที่ตำรวจภูธรภาค 2 ที่ถูกย้ายมาจอดที่ สน. หลังจอดเสียบนสะพาน โดยไม่มีใครยอมให้รายละเอียด
ขณะที่ก่อนหน้านี้ นางสาวศิริกานดา จูหมื่นไวย์ อายุ 23 ปี แฟนนายชนะชล เดินทางมาที่ สน.ทุ่งมหาเมฆเช่นกัน เพื่อขอสำเนาบันทึกประจำวันไปเป็นหลักฐานทำเรื่องออกจากโรงพยาบาล พร้อมระบุว่าแฟนหนุ่มมีบาดแผลถลอกตามร่างกายหลายแห่ง ต้องใส่เฝือกที่ขา ซึ่งนายชนะชลเล่าให้ฟังว่าก่อนเกิดเหตุมีรถเบนซ์จอดเสียอยู่ไหล่ทาง จึงขับเบี่ยงออก แต่ไปเฉี่ยวกับรถยนต์นิสสันที่ขับตามหลังมา ยอมรับว่ามีปากเสียงกัน ระหว่างนั้นเจ้าของรถเบนซ์ที่มีอาการคล้ายมึนเมาเข้ามาอ้างตัวเป็นตำรวจ พร้อมยิงปืนขึ้นฟ้า ทำให้แฟนหนุ่มตกใจกลัว และพยายามโทรศัพท์หาตน แต่ถูกแย่งโทรศัพท์ไม่ให้โทรหาใคร และไม่ให้ถ่ายรูป ทั้งยังบอกว่าอยากยิงคน แฟนหนุ่มจึงวิ่งหนีออกมา แต่ยังไม่สรุปว่าจะแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจนายดังกล่าวหรือไม่
ด้าน พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ระบุว่าตำรวจนายดังกล่าวถูกขอตัวไปช่วยราชการที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ดังนั้น ในฐานะที่ตนเป็นผู้บังคับบัญชา ได้สั่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว โดยเฉพาะพฤติการณ์ยิงปืนขึ้นฟ้าว่าเหมาะสมหรือไม่ เพราะหากเป็นการห้ามปรามเหตุทะเลาะวิวาทก็สามารถทำได้ ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ขณะที่ พ.ต.ท.ณรงค์ ยิ้มปั่น รองผู้กำกับการ สน.ทุ่งมหาเมฆ เปิดเผยว่า ยังไม่มีการสอบปากคำนายตำรวจคนดังกล่าว ต้องตรวจสอบพยานหลักฐาน ข้อเท็จจริงก่อนว่าตำรวจคนนี้เป็นคนขับจริงหรือไม่ โดยจะเรียกผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบปากคำอีกครั้ง รวมถึงให้ชุดสืบสวนไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณรอบที่เกิดเหตุทั้งหมด ส่วนกล้องติดหน้ารถกู้ภัยที่มีรายงานว่าตำรวจนายดังกล่าวเอาไปนั้น ยังไม่มีการนำมามอบให้พนักงานสอบสวน ทั้งนี้ มีรายงานว่านายตำรวจคนดังกล่าวได้เดินทางมาที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว แต่ยังไม่ได้เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน
ขณะเดียวกันจากการเดินทางไปตรวจสอบที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ ต้นสังกัดของพันตำรวจเอกนายนี้ พบว่าบนบอร์ดรายชื่อตำแหน่งผู้บังคับบัญชา บริเวณโถงชั้นล่างตรงทางขึ้นบันได ยังมีรูปและป้ายชื่อของพันตำรวจเอกนายนี้ติดอยู่ แต่ไม่พบว่ามีห้องทำงานของตำรวจนายดังกล่าว โดยพันตำรวจเอกนายนี้ย้ายมารับตำแหน่งตั้งแต่เดือนเมษายนปีที่ผ่านมา มาทำงานเพียง 2-3 เดือนเท่านั้น ก่อนขอย้ายไปช่วยราชการที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 จึงทำให้ไม่มีใครในกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ให้ข้อมูลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้.-สำนักข่าวไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
• รถชนกันกลางสะพานข้ามแยกศาลาแดง เสียงปืนดังหลายนัด
• เร่งสอบนายตำรวจโชว์กร่างยิงปืนขึ้นฟ้า หากผิดจริง ฟันวินัย-อาญา