“ช่อ” ไม่กลัว “มาดามเดียร์” ไล่ตรวจถือหุ้นสื่อ

กรุงเทพฯ 19 พ.ย.-   “ช่อ” ไม่กลัว “มาดามเดียร์” ไล่ตรวจหลักฐานถือหุ้นสื่อ ถือเป็นสิทธิ์ และอนาคตใหม่ไม่ไร้เดียงสา ถึงขั้นไม่รู้ว่า พาดพิงบุคคลที่สามแล้วจะไม่เสี่ยงโดนฟ้อง


น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึง กรณีที่ น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ  ประกาศจะใช้กระบวนการทางกฎหมายจัดการ หลังถูกกล่าวพาดพิงเรื่องนักการเมืองถือหุ้นสื่อ ว่า  เป็นเรื่องปกติและเป็นสิทธิ์ที่จะฟ้องร้องดำเนินคดี แต่ก่อนที่พรรคอนาคตใหม่จะแถลงข่าว ก็มีความมั่นใจ และไม่ไร้เดียงสาถึงขั้นที่จะไม่รู้ว่า การกล่าวพาดพิงบุคคลที่สาม จะไม่เสี่ยงโดนฟ้อง 

“เราจึงรัดกุมพอสมควรว่า สิ่งที่เราพูดเป็นข้อเท็จจริงทั้งหมด เช่น ผู้บริหารของเนชั่น ผู้บริหารของนิวส์ เน็ตเวิร์ค และผู้บริหารของสถาบันทิศทางไทย รวมไปถึงสัดส่วนเวลาที่ช่องเนชั่นนำเสนอข่าวของอนาคตใหม่ ถ้าสงสัยว่าข้อมูลส่วนไหนบิดเบือน ก็สามารถไปเช็คสถิติได้ และนำหลักฐานมาแสดง” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว


ต่อข้อถามว่า ตามแล้วธรรมนูญมาตรา 98 (3) ระบุเรื่องคุณสมบัติของ ส.ส. ว่าห้ามถือหุ้นสื่อนั้น มีขอบเขตครอบคลุมแค่ไหน น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ในส่วนนี้ก็ถือว่าอยู่ที่การตีความทางกฎหมาย ซึ่งตามกฎหมายคู่สมรส ถือว่าเป็นบุคคลคนเดียวกัน เพราะเวลาที่นักการเมืองแสดงทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็ต้องแสดงทรัพย์สินของคู่สมรสด้วย เรื่องนี้คิดว่าถ้าไม่พูดถึงเรื่องกฎหมายเลย ในทางจิตสำนึก ทุกคนก็ย่อมทราบดีว่า นายฉาย บุนนาค และน.ส.วทันยา เป็นสามีภรรยากัน และใครๆ ก็ทราบว่า เนชั่นเป็นสำนักข่าวที่มีแนวคิดทางการเมืองเป็นแบบไหน ให้คุณกับฝ่ายไหนและให้โทษกับฝ่ายไหน จึงเชื่อว่าเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องข้อเท็จจริง 

“ดิฉันเข้าใจว่า น.ส.วทันยา ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับนายฉาย เพราะป้องกันไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้ขึ้น สำหรับพรรคอนาคตใหม่ ตอนนี้มีหลายคดีแล้ว เพิ่มอีกสักคดีคงไม่เป็นไร” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว

ส่วนกรณีที่เนชั่นแฉความสัมพันธ์ระหว่างมติชนและนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นั้น น.ส.พรรณิการ์  กล่าวว่า คงต้องแบ่งเรื่องนี้เป็น 2 ส่วน อย่างแรกคือ อาจจะเทียบกันได้ว่า น.ส.วทันยา และนายฉาย เป็นสามีภรรยากัน เหมือนกับนางสมพร และนายธนาธร เป็นแม่ลูกกัน แม้จะไม่ใช่คนคนเดียวกัน ก็มีความเกี่ยวข้องกัน  ข้อเท็จจริงอีกส่วนที่สำคัญมากๆ เลยก็คือ ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ไม่ให้นักการเมืองถือหุ้นสื่อ เพื่อไม่ให้ใช้สื่อนั้นเป็นคุณกับตัวเองและเป็นโทษกับคนอื่น 


“ถ้าเราดูการนำเสนอข่าวของมติชน ก็จะเห็นว่ามีทั้งข่าวที่เป็นคุณและเป็นโทษกับอนาคตใหม่ เพราะต้องยอมรับว่าด่ามาหลายหลายครั้ง เกิดมาจากมติชน ซึ่งก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเป็นเรื่องปกติของการทำงานสื่อ ที่ต้องวิจารณ์คนนั้นวิจารณ์คนนี้ คอลัมน์ของมติชนเองก็มีความหลากหลาย ดิฉันคิดว่า ควรพิสูจน์กันที่ผลงานดีกว่า ว่าเป็นคุณกับพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งหรือเปล่า คิดว่าเรื่องนี้ก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายแทนมติชน เพราะผลงานก็มีให้เห็นอยู่แล้ว” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว        . – สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สุดโหด! ไล่แทงหนุ่มดับปมขัดแย้งยาเสพติด

วงจรปิดจับภาพชัด คนร้ายวิ่งข้ามถนนไล่แทงหนุ่มเสียชีวิต ชาวบ้านแตกตื่น ขณะที่ตำรวจรวบตัวทันควัน คาดปมขัดแย้งยาเสพติด

กยศ.เปิดทางปรับลดยอดหักเงินเดือน พ.ค.-มิ.ย.68

กยศ. เปิดทางปรับลดยอดหักเงินเดือน ช่วยเหลือชั่วคราว พ.ค.-มิ.ย.68 ให้นายจ้างลดยอดการหักเงินเดือน ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อเริ่มผ่อนชำระใหม่เป็นรายเดือนในอัตราลดลง

“อ.แจ็คพันศพ” ถูกเปลวไฟพุ่งใส่ขณะเผาศพ

“อาจารย์แจ็คพันศพ” สัปเหร่อและหมอผีชื่อดัง จ.บุรีรัมย์ ถูกเปลวไฟพุ่งใส่ขณะวางดอกไม้จันทน์เผาศพ ไฟลวกทั่วร่างกาย ต้องหามส่งโรงพยาบาล  เจ้าตัวงง! เผาศพมาเป็นพัน ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้

ข่าวแนะนำ

ตำรวจเร่งกวาดล้างแก๊งไทใหญ่ 999

กรณีแก๊งไทใหญ่ 999 ไล่ฟันหนุ่มกะเหรี่ยง ย่านห้วยขวาง ตำรวจยอมรับมีกลุ่มต่างด้าวกระทบกระทั่งกันในพื้นที่ เร่งพิสูจน์รวมแก๊งลักษณะอั้งยี่-ซ่องโจร หรือไม่ พร้อมลั่นดำเนินคดีไม่ละเว้น

ผู้การอยุธยา สั่งสอบ ตร. เก็บส่วยร้านอาหาร

แฉคลิปเสียงชายอ้างเป็นตำรวจ เรียกเก็บเงินรายเดือนจากร้านอาหาร พอปฏิเสธถูกลงตรวจถี่ยิบ ล่าสุด ผู้การฯ อยุธยา สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงด่วน

ปิด “จุดชมวิวภูชี้ฟ้า” ชั่วคราว เหตุเสียงปืนดังข้ามแดน-กระสุนตกใส่หลังคาบ้าน

อุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า (เตรียมการ) ประกาศปิดแหล่งท่องเที่ยวจุดชมวิวภูชี้ฟ้า ชายแดนไทย-สปป ลาว อำเภอเวียงแก่น และอำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว หลังเกิดเสียงปืนดังข้ามแดน และพบกระสุนตกใส่บ้านเรือนประชาชน

กทม.พาสื่อดูซากตึก สตง. คาดอีก 2-3 วัน ภารกิจเสร็จสิ้น

กทม.พาสื่อลงพื้นที่ดูซากตึก สตง. ขณะนี้เคลียร์ถึงชั้นใต้ดินซึ่งเป็นจุดสุดท้าย คาดภารกิจการค้นหาผู้สูญหายและรื้อซากจะเสร็จสิ้นในอีก 2-3 วัน