“พรรณิการ์” เชื่อกลไกทวิภาคีมีประสิทธิภาพที่สุด ชี้นายกฯ ไร้ภาวะผู้นำ

รัฐสภา 4 มิ.ย.-“พรรณิการ์” ชม “รมว.กลาโหม” ปมปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่เอาขึ้นศาลโลก เชื่อกลไกทวิภาคีมีประสิทธิภาพที่สุด ชี้ “นายกฯ อิ๊งค์” ไม่มีภาวะผู้นำ ไร้เดียงสาทางการเมือง ซัดรัฐบาลเอาให้ชัดจะทำอย่างไร เหตุขาดเสถียรภาพ ประชาชนไม่เชื่อมั่น มองอนาคต กัมพูชาไม่ยอมลงใน JBC แน่นอน แนะหามาตรการควบคู่ ควรยุติความสัมพันธ์ส่วนตัว เพราะเรื่องนี้เป็นผลประโยชน์รัฐต่อรัฐ

นางสาวพรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า  กล่าวถึง การแก้ปัญหาของรัฐบาลกรณีชายแดนไทยกัมพูชา ว่า อย่างน้อยที่สุดวันนี้ ต้องชมรัฐบาลโดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่บอกว่าจะไม่มีการนำเรื่องนี้ขึ้นสู่ศาลโลก ขอเป็นเรื่องที่แขวนลอยอยู่บนอากาศ โดยการโยนมาจากฝั่งกัมพูชาหลายวันแล้ว เรื่องนี้ตนเห็นด้วยว่ายังไงกลไกทวิภาคี ระหว่าง 2 ประเทศจะเป็นกลไกที่ดีที่สุด และมีประสิทธิภาพที่สุด ในการคลี่คลายความขัดแย้งทางชายแดน โดยที่ไม่จำเป็นต้องไปขึ้นศาลโลก


ทั้งนี้ เรื่องที่รัฐบาลยังทำไม่พอมีเยอะ ประเด็นแรกสำคัญที่สุดนั่นก็คือภาวะผู้นำ สถานการณ์ในวันนี้ค่อนข้างวิกฤต และเป็นสถานการณ์ที่ประชาชนติดตามอย่างใกล้ชิด และ รู้สึกว่าประเทศจำเป็นจะต้องตอบโต้กับกัมพูชา ตนไม่ได้เห็นด้วยแน่ๆ กับการให้รบกันซึ่งจะนำมาสู่ความสูญเสียของทางฝั่งไทย ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือพี่น้องประชาชนที่อาจจะต้องอพยพ หรือต้องสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน แต่ต้องยอมรับว่านายกรัฐมนตรี วุฒิภาวะและภาวะผู้นำ ยังถือว่าพร่องไป เพิ่งรู้ว่าหลายวันที่ผ่านมาเราเห็นทั้งนายกรัฐมนตรีกัมพูชาและพ่อของนายกรัฐมนตรีซึ่งดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภาด้วย และเป็นประธานองคมนตรีด้วย ซึ่งเป็นตำแหน่งสำคัญ ออกมาตอบโต้โจมตีไทยตลอด ทุกวัน บางวันก็มีหลากหลายประเด็น แต่ในระดับ การตอบโต้ของประเทศไทยเราจะเห็น เพียงแต่นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่มีการแถลงและ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ส่วนวันนี้ที่นายกรัฐมนตรีเลือกที่จะพูดก็กลายเป็นว่าประเด็นที่ได้รับความสนใจ กลับเป็นประเด็นที่นายกรัฐมนตรีไม่พอใจนักข่าว ที่ไปสอบถามในประเด็นที่ทุกคน อยากรู้ว่านายกจะตอบอย่างไรถึงท่าที จุดยืนของไทยอ่อนไปหรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องนี้ที่ประเทศชาติอยู่ในสภาวะวิกฤตทางชายแดนแบบนี้

“เราต้องการภาวะผู้นำจากนายกรัฐมนตรีนี่คือสิ่งสำคัญที่สุด แต่สิ่งที่เราได้รับในวันนี้ต้องขอให้นายกรัฐมนตรี ปรับปรุงจริงๆ เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ ท่าทางเขาตอบโต้กลับมาโดยการใช้ นายกรัฐมนตรีหรือพ่อของนายกรัฐมนตรี อย่างน้อยที่สุดทางการไทย ก็ต้องให้นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ตอบโต้เพื่อท้าตีท้าต่อย แต่มีหลากหลายวิธีที่จะยืนยันในจุดยืน และเกียรติภูมิของประเทศของเรา โดยผู้นำของเราเอง” นางสาวพรรณิการ์กล่าว


นางสาวพรรณิกา ยังกล่าวต่อว่าประเด็นที่2 ที่ยังพร่องไป คือการแสดงจุดยืนและนโยบายที่เป็นรูปธรรม ว่าเราจะตอบโต้กัมพูชาอย่างไร โดยที่ไม่ใช่การรบ วันนี้ นายภูมิธรรม พูด 1 ประโยคที่ ตนก็ตกใจเหมือนกัน ที่บอกว่า”คนไทยอย่ารู้มากไปเลย เดี๋ยวจะเสียเปรียบในการเจรจา รัฐบาลเตรียมไว้อยู่แล้ว” คือพูดในทำนองว่า”เชื่อผู้นำชาติพ้นภัย เชื่อเถอะว่าเอาอยู่เตรียมไว้หมดแล้ว ถ้าพูดออกไปเยอะเดี๋ยวจะไปเสียเปรียบเขา”ซึ่งตนคิดว่าถ้าเราพูดโดยรัฐบาล ที่มีเสถียรภาพ และประชาชนมั่นใจว่า รัฐบาลเอาอยู่จัดการได้ อันนี้ยังพอฟัง แต่ถามประชาชนทุกคนว่าวันนี้ รัฐบาลเรามีเครดิตขนาดนั้นไหม ไม่ว่าจะเป็นในประเทศหรือเวทีระดับ ระหว่างประเทศ รัฐบาลเราได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจ จากประชาชนในระดับนั้นหรือไม่

“ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดของรัฐบาลเพื่อไทยจริงๆ ที่ประเทศเผชิญวิกฤตแบบนี้ แล้วยังมีรัฐบาลที่ขาดเสถียรภาพ ขาดความมั่นใจจากประชาชน ขาดแรงหนุนจากประชาชน แต่ในเมื่อเป็นแบบนั้นไปแล้ว แทนที่จะบอกว่าให้เชื่อผู้นำชาติพ้นภัย แต่สิ่งที่ดีที่สุดที่จะสร้างเครดิตให้กับรัฐบาลในภาวะฉุกเฉินแบบนี้ คือต้องเอาให้ชัดว่าจะทำอย่างไร” นางสาวพรรณิการ์กล่าว

นางสาวพรรณิการ์กล่าวต่อว่า นำมาสู่ข้อกังวลที่ 3 จากการที่ได้ฟังคำพูดของนายภูมิธรรมวันนี้ ที่ฝากความหวังไว้ที่ JBC ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายน การเจรจาโดยใช้กลไกปกติที่มีอยู่แล้ว เป็นเรื่องดี แต่ก็ขอฝากไปให้พิจารณาว่า โต๊ะกลไก JBC ซึ่งเป็นกลไกปกติ เพียงพอหรือไม่ ในการคลี่คลายสถานการณ์วิกฤตในรอบนี้ เพราะทางฝั่งกัมพูชาทั้งนายฮุน มาเนต, นายฮุน เซน ดูแล้วโหมกระพือหนัก คิดว่าเป็นไปได้ยากที่จะยอมลงให้กันใน JBC เพราะฉะนั้นแทนที่เราจะสงบอยู่ในที่ตั้งและรอเจรจาใน JBC อย่างเดียว รัฐบาลไทยควรพิจารณามาตรการควบคู่กันไป ซึ่งมีหลากหลายวิธีที่ไม่ใช่การแสดงออกทางการทูต เช่น ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ปอยเปต ไฟที่ส่งไปให้ เน็ตที่ส่งไปให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ พิจารณาตัดไหม พรก. เรื่องอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพิ่งผ่านไปใช้เลยหรือไม่ เพราะว่าไม่เช่นนั้นผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต จะต้องรับผิดชอบรับผิดร่วมกันกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เรื่องเหล่านี้ได้ประโยชน์ทั้งฝั่งไทย และได้ประโยชน์กับทั้งฝั่งคนที่เป็นประชาชนชาวกัมพูชา เพราะเราไม่ได้ไปตัดน้ำตัดไฟประชาชน แต่เราตัดไฟตัดเน็ต แก๊งคอลเซ็นเตอร์


“อย่างที่นายรังสิมันต์ โรมบอกเช็คเลยบรรดาออกญาต่างๆ ที่เกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีทรัพย์สินเท่าไหร่ในเมืองไทย DSI อายัดได้หรือไม่ เรื่องต่างๆเหล่านี้เป็นกระบวนการที่เราสามารถทำได้ ภายใต้กรอบกฎหมายของเรา ขณะเดียวกันก็เป็นการแสดงท่าที ที่เราตอบโต้อย่างรักษาเกียรติภูมิของประเทศ และไม่ได้เป็นอันธพาล ไม่ได้เป็นการท้าตีท้าต่อย จึงอยากให้รัฐบาลพิจารณา เพราะลำพังหวังเพียงการเจรจาใน JBC ต้องบอกตามตรงว่า ดูจากประวัติที่ผ่านมาของการการดำเนินนโยบายต่างประเทศของฮุนเซน ถ้าเขายอมลงให้เรารอบนี้ใน JBCถือว่าแปลกมาก คงจะไม่ใช่อดีต นายกฮุน เซน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเดินทางมาไกลขนาดนี้แล้ว ถึงขั้นพูดว่าจะเป็นฉนวนกาซ่า หรือจะเอาขึ้นศาลโลก ดิฉันคิดว่าไทยเองควรจะต้องตอบโต้ ให้อยู่ในน้ำหนักเดียวกับ ที่กัมพูชาตอบโต้กับเรา” นางสาวพรรณิการ์กล่าว

ส่วนที่มีความพยายามเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างนายฮุน เซนกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะเป็นผลดีหรือผลเสียกับเรา นางสาวพรรณิการ์กล่าวว่า เมื่อฟังคำพูดของนายกรัฐมนตรีในวันนี้เป็นคำพูดที่น่าตกใจ ที่ยอมรับว่าผู้นำไทยกับกัมพูชา เป็นเพื่อนกัน คำนี้ถ้าพูดกันในภาวะปกติไม่แปลก ผู้นำประเทศในไหนก็เป็นเพื่อนกันได้อยู่แล้ว เพียงแต่การพูดในสถานการณ์แบบนี้ นายกรัฐมนตรีอาจจะขาดความเข้าใจ สถานการณ์ทางการเมืองภายในกัมพูชา นายสม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านพลัดถิ่นของกัมพูชา โจมตีรัฐบาลนายฮุน เซน นายฮุน มาเนตมาโดยตลอด ว่าเป็นพวกที่ขายชาติ เป็นคนที่มาเกลี้ยงเบียร์กับตระกูลชินวัตรของไทย ทำให้ผลประโยชน์แห่งชาติของกัมพูชาสูญเสียไป และมีการคาดการณ์กันว่านี่อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้ นายฮุน เซน นายฮุน มาเนต มีท่าทีแข็งกร้าว เพื่อลบข้อครหาที่ว่าทางตระกูลฮุนเซนกับตระกูลชินวัตร เกี๊ยะเซี๊ะกันเพื่อประโยชน์ของตนเอง และละเลยผลประโยชน์ชาติ

“เพราะฉะนั้นคำพูดของนายกรัฐมนตรี ในวันนี้ดิฉันจึงถือว่า เบาที่สุด คือนายกรัฐมนตรีขาดความเข้าใจอย่างหนัก และคิดว่าอาจจะไร้เดียงสาทางการเมืองเกินไป ในการที่พูดประโยคนี้ออกมา ซึ่งเราไม่รู้ว่าทางกัมพูชา จะนำไปต่อยอดหรือนำไปปั่นกระแส กันมากแค่ไหน แต่ในเมื่อพูดออกไปแล้วเราก็ต้องเฝ้าระวัง และติดตามอย่างใกล้ชิด สถานการณ์ ณ ตอนนี้สิ่งที่เราควรทำมากที่สุดคือ ยุติการชูความสนิทสนมส่วนบุคคลเพราะนี่คือเรื่องของบูรณภาพทางดินแดน นี่เป็นเรื่องของผลประโยชน์รัฐต่อรัฐ ” นางสาวพรรณิการ์กล่าว

นางสาวพรรณิการ์กล่าวว่า ตนเชื่อมั่นในกลไกของกระทรวงการต่างประเทศและสภาความมั่นคงแห่งชาติ ตนเชื่อว่ากลไกเหล่านี้รวมถึงทหารที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณชายแดน เป็นกลไกปกติ แบบรัฐต่อรัฐ ที่สามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้ ขอให้หยุดใช้เรื่องส่วนตัวหรือสายสัมพันธ์ส่วนตัว มาบอกว่าคลี่คลายสถานการณ์ได้ ด้วยความสนิทสนมกัน เพราะยิ่งเหมือนกันราดน้ำมันลงบนกองไฟ จะทำให้คุณเซ็นอาจจะต้องตอบโต้ ด้วยท่าทีแข็งกร้าว ยิ่งขึ้นเพื่อลบข้อครหาที่เขาถูกโจมตี

ส่วนที่มีหลายคนเป็นห่วงว่าครั้งนี้ไทยอาจจะเสียดินแดนไปอีก เหมือนเช่นครั้งเขาพระวิหาร นางสาวพรรณิการ์กล่าวว่า ตนไม่เชื่อว่าเราจะเสียดินแดน เรื่องนี้ไม่ว่าอย่างไร ก็จะสามารถคลี่คลายไปได้ แต่สิ่งที่อยากให้ระวังคือกระแสชาตินิยมเข้มข้น ชาตินิยมสุดโต่งกันในช่วงนี้ ด้วยการกระตุ้นความยั่วยุ จากประเทศข้างๆ ซึ่งก็เห็นกันอยู่ว่ามีความพยายามยั่วยุปลุกปั่นเพื่อคะแนนนิยม ภายในประเทศของเขาจริงๆ ตนอยากจะเตือนประชาชนคนไทยว่าอย่าไปเข้าทางเขา เรื่องการเสียดินแดนไม่เสียหรอก เราจะสามารถพูดคุยเจรจา และใช้มาตรการตอบโต้ อื่นๆ ที่ไม่ใช่การสู้รบ ในการจัดการปัญหานี้ได้ เพียงแต่ขอให้รัฐบาล มีท่าทีที่ชัดเจน และเข้มแข็งกว่านี้ ในการตอบโต้กับกัมพูชาที่มีน้ำหนักเสมอกัน.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“วัดพระบาทน้ำพุ” แจงเงินวัด เข้าแล้วออกไปไหน

ลพบุรี 8 ส.ค. – หลังจากมีกระแสข่าวเกี่ยวกับวัดพระบาทน้ำพุ ก็มีเสียงสะท้อนออกมาหลายแง่มุม ขณะที่บางส่วนตั้งคำถามเกี่ยวกับเงินวัดที่มีการเปิดรับบริจาค และการดูแลผู้ป่วยเอชไอวี ว่ายังมีความจำเป็นหรือไม่.-สำนักข่าวไทย

บุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.-กำนัน ทุจริตที่ดินเอื้อนายทุน

สระบุรี 8 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” นำกำลังบุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.สระบุรี-กำนัน ร่วมกันทุจริตออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. 600-700 ไร่ เอื้อประโยชน์นายทุนสร้างบ้านพักหรู พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายฯ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นำกำลังเข้าจับกุมนายวิชยุตม์ อายุ 42 ปี นายช่างสำรวจชำนาญงาน ขณะกำลังนั่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในห้องทำงาน ที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดสระบุรี และนายสิปปกร อายุ 57 ปี กำนัน ต.หนองย่างเสือ อ.หมวกเหล็ก ตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกันปฏิบัติหรือเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าพนักงานแต่กลับร่วมกันกระทำการรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ หลังพบใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนเข้าบุกรุกหรือครอบครองที่ป่าไม้ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้มีการตรวจสอบพบคาเฟ่ รีสอร์ตหรูแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ก่อสร้างบุกรุกผืนป่า จึงเร่งขยายตรวจสอบที่ไปที่มาของการเข้าครอบครองที่ดินดังกล่าว กระทั่งพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน ด้วยการออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 เพื่อใช้อ้างสิทธิเข้าครอบครอง […]

ยิงกำนันเล้น

ออกหมายจับ “ไอ้ ด.” มือปืนขาเป๋ ยิงถล่มกำนันเล้น ตร.ไล่ล่ากระชั้นชิด

ตรัง 8 ส.ค. – ออกหมายจับ ไอ้ ด. มือปืนขาเป๋ ยิง M16 ถล่มดับกำนันเล้น จ.ตรัง เผยปมสังหารจากคนเคยช่วยเหลือกลับขัดแย้ง-ขู่ฆ่า ผู้การตรังเผยแกะรอยเบาะแสไล่ล่าเป็นประโยชน์ ติดตามตัวแบบหายใจรดต้นคอ ลั่นต้องจับให้ได้ ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรังเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ว่า จากกรณีคนร้ายชายในชุดดำสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า ใช้อาวุธสงคราม M16 ยิงถล่มนายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนันตำบลนาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด จนเสียชีวิต กระสุนเจาะประตูรถฝั่งคนขับพรุน 15 นัด ปลอกกระสุนขนาด 5.56 ตกกระจายเกลื่อน เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา บริเวณหน้าบ้านของนายบัณฑิต พื้นที่หมู่ 9 ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นช่วงระหว่างที่นายบัณฑิตเดินทางกลับจากงานเลี้ยงงานแต่งงาน […]

“บุ๋ม ปนัดดา” พร้อมชน “มาลี”

กรุงเทพฯ 8 ส.ค. – ฮือฮาและเป็นที่พูดถึงอย่างมาก สำหรับการแต่งตั้ง “ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” นั่งโฆษก ศบ.ทก.จิตอาสา ด้าน “บุ๋ม” เปิดใจ เป็นคนชัดเจน ตรงไปตรงมา พร้อมชน “มาลี” ลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์.-สำนักข่าวไทย