ชุมพร 18 พ.ย.-แฉรายวัน “ครูวา” สาวประเภทสอง ฉายา “นางฟ้าบิ๊กไบค์” ถูกกล่าวหาแอบอ้างเป็นข้าราชการลวงหนุ่มหลงรัก ก่อนฉกทรัพย์สิน ล่าสุดวันนี้ตำรวจลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ขณะที่ “ครูวา” โผล่โต้ไม่ได้ลวงโลก ไม่ได้ฉกทรัพย์ และเป็นครูจริงๆ
กรณี “ครูวา” สาวประเภทสอง ขวัญใจหนุ่มไบค์เกอร์ที่ได้รับฉายา “นางฟ้าบิ๊กไบค์” ชอบใส่เครื่องแบบข้าราชการ อ้างเป็นครู โดยอาศัยความสวยที่ได้จากการศัลยกรรมแปลงเพศ หลอกยักยอกทรัพย์สินจากหนุ่มๆ จนตกเป็นข่าวโด่งดังในโซเชียล เพราะหนุ่มรายล่าสุดออกมาโพสต์แฉ ทำให้มีหนุ่มรายอื่นต่างออกมาเปิดโปงพฤติกรรม และเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ
ล่าสุดวันนี้ ร.ต.อ.สมชาย สุรสราญวงศ์ รอง สวป.สภ.เมืองชุมพร เข้าพบนางพรรณี ตราโต เจ้าของกิจการรับเลี้ยงเด็กและสอนเด็กเล็กก่อนปฐมวัย “พรรณีเนอร์สเซอรี่” ที่ตั้งอยู่ใน ต.ตากแดด อ.เมือง จ.ชุมพร เพื่อสอบถามประวัติและเก็บข้อมูล “ครูวา” หรือชื่อเดิมว่านายภานุพงศ์ อัมพวา หรือนายปพิชญา ต่อมาขอเปลี่ยนชื่อสกุลใหม่ว่า นายธัญญ์ฐิชา ศศิโชติกุลวงศ์
นางพรรณี เล่าว่า เมื่อ 5 ปีก่อน ครูวามาสมัครเข้าทำงาน โดยใช้วุฒิ ปวส. จากสถาบันอาชีวะ ตอนนั้นตนรู้ว่า “ครูวา” เป็นสาวแปลงเพศ เพราะในเอกสารการสมัครระบุคำนำหน้าชื่อว่านาย ตนก็รับไว้ เพราะเห็นเป็นคนนอบน้อม น่ารัก อัธยาศัยดี พูดจาไพเราะ มอบหมายงานให้เป็นพี่เลี้ยงดูแลเด็กและสอนภาษาอังกฤษพื้นฐานแก่เด็กๆ ด้วย แต่เป็นการทำงานลักษณะไม่ประจำ เพราะเขาอ้างว่ารับจ้างสอนพิเศษ และเป็นติวเตอร์สอนกวดวิชาหลายแห่ง
ครูวาทำงานที่นี่ได้ประมาณ 1 ปี เริ่มจับได้ว่ามีการปลอมลายเซ็นของตนรับเงินจากผู้ปกครองแล้วไม่นำมามอบให้ สอบถามไปครูวาก็ไม่ยอมรับ จากนั้นไม่นาน ครูวาเริ่มไหวตัวทัน ชิงหนีไปดื้อๆ ไม่มาทำงานอีกเลย ตนใช้เวลาตรวจสอบหลักฐานต่างๆ อยู่ 3 เดือน จนแน่ชัดว่ามีการปลอมลายเซ็นจริงๆ มูลค่าความเสียหายราว 20,000 บาท จึงได้นำหลักฐานไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองชุมพร แต่ยังไม่มีการดำเนินคดี เพราะอยากให้โอกาสครูวาได้กลับตัวกลับใจ แต่หลังจากนี้จะนำหลักฐานไปมอบให้ตำรวจเพิ่ม ส่วนจะแจ้งความดำเนินคดีอาญาหรือไม่ อยู่ระหว่างปรึกษาหารือกับคนในครอบครรัวและผู้เกี่ยวข้อง
ส่วนที่ จ.สมุทรปราการ บ้านของหนุ่มบิ๊กไบค์รายล่าสุดที่ถูกครูวาหลอกให้รักและฉกทรัพย์สินตีจาก พ่อของหนุ่มบิ๊กไบค์อยู่บ้านเพียงลำพัง ไม่สะดวกที่จะให้สัมภาษณ์ เพราะยังเสียความรู้สึก และเสียใจที่ลูกชายต้องเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่ดีในชีวิต แต่เบื้องต้นเล่าว่า เพิ่งจะมาทราบว่าครูวาเป็นสาวประเภทสอง เพราะตั้งแต่ที่ครูวาเข้ามาอาศัยในบ้านประมาณ 2 สัปดาห์ เธอเหมือนผู้หญิงมาก พูดจาฉะฉาน มีหลักการ จนลูกชายหลงเชื่อสนิทใจ และแต่ละวันครูวาจะแต่งชุดครูออกไปทำงานทุกวัน บางวันแต่งชุดกากีของครู ในวันสำคัญยังแต่งชุดปกติขาวของราชการออกไปทำงาน จนไม่มีใครสงสัย แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่บ้านพบว่าสร้อยคอทองคำและพระเครื่องเลี่ยมทองหายไป ตนได้บอกลูกชาย และลูกชายได้โทรศัพท์ตามครูวามาสอบถาม เมื่อครูวามาถึงถามตนว่าสร้อยของพ่อหายเหรอ เดี๋ยวซื้อให้ใหม่ ทำให้ตนมั่นใจว่าครูว่าน่าจะเป็นคนขโมยเอาสร้อยคอพร้อมพระเลี่ยมทองของตนไปแน่นอน เพราะนอกจากเรื่องสร้อยแล้ว ครูวายังมีปัญหาเรื่องเงินภายในบ้าน เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ที่ตนฝากไปจ่าย โดยการวางไว้บนโต๊ะพร้อมกับใบแจ้งหนี้ ครูวาก็จะเป็นคนหยิบไปแต่ไม่จ่าย ตนเพิ่งจะทราบจากการตอบคำถามของสื่อว่าเงินค่าน้ำ ค่าไฟ นำไปซื้อกัญชาให้ลูกชายเสพ ทำให้ไม่ได้นำไปจ่าย แต่ส่วนตัวไม่เคยเห็นลูกชายเสพยา อาจเป็นไปได้ที่ลูกชายอาจแอบเสพ เพื่อความสนุกสนานตามประสาวัยรุ่น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีอะไรฝากถึงครูวาหรือไม่ คุณพ่อตอบทันทีว่าให้มันติดคุกไปเถอะ และตัดพ้อกับทางผู้สื่อข่าวว่าเสียใจ เสียความรู้สึก และเสียดายสร้อยคอพร้อมพระเลี่ยมทองอย่างมาก เป็นเป็นมรดกเก่าแก่ตั้งแต่ตนยังวัยรุ่น และครอบครัวเองก็ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยนัก.-สำนักข่าวไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
• แฉประวัติ “ครูวา” ยักยอกเงินเนิร์สเซอรี
• แฉ “ครูวา”เคยปลอมลายเซ็นเจ้าของเนอสเซอรีรับเงิน