“ปารีณา” ตอบปมตรวจสอบที่ดิน ให้เป็นไปตามกระบวนการ

กทม. 14 พ.ย. – ประเด็นที่ดินของ น.ส.ปารีณา ที่มีร้องเรียนให้ตรวจสอบ เจ้าตัวระบุขอให้เป็นไปตามกระบวนการ ขณะที่หลายหน่วยงานออกมารับลูกเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง


วันนี้ผู้สื่อข่าวสอบถาม น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ถึงประเด็นที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะกรรมาธิการงบประมาณ พรรคเพื่อไทย ยื่นเรื่องร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบที่ดินของเธอ บริเวณหลังเขาสน หมู่ 6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นที่ดิน ภ.บ.ท.5 จำนวน 58 แปลง เนื้อที่ 1,706 ไร่ ว่ามีการครอบครองโดยถูกกฎหมายหรือไม่ โดย น.ส.ปารีณา ตอบเพียงสั้นๆ ว่าขอให้เป็นไปตามกระบวนการ 


ป.ป.ช.ชี้หากกรณีที่ดิน “ปารีณา” มีมูล ก็พร้อมไต่สวน 

ด้าน พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เมื่อมีผู้ร้อง ต้องเข้าไปดูว่าอยู่ในอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.หรือไม่ ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการตรวจสอบ เบื้องต้นหากเห็นว่าไม่เข้ากฎหมาย ป.ป.ช. ก็สามารถให้ตำรวจ หรือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ  (ป.ป.ท.) รับไปดำเนินการสอบสวน  ป.ป.ช.จะทำเมื่อเป็นเรื่องสำคัญ และมีความเสียหายเป็นจำนวนมาก หากตรวจรับเรื่องเบื้องต้นแล้วเข้ากับข้อกฎหมายของ ป.ป.ช. หรือมีมูลพอไต่สวนก็ไต่สวน  


นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ระบุว่าต้องไปดูความชัดเจนเรื่องที่ดินว่าใช้สิทธิอะไร ถ้าใช้สิทธิการครอบครอง ต้องเอาหลักฐานมาพิสูจน์ว่าครอบครองเมื่อไร ถ้าใช้สิทธิ ส.ป.ก. ก็ต้องไปดูกระบวนการได้มาเป็นไปตามกฎหมาย ส.ป.ก.หรือไม่ เรื่องนี้ทราบว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบแล้ว 

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ สั่งการนายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการ สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เร่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบแนวเขตพื้นที่ ส.ป.ก. เพื่อพิสูจน์ทราบว่า น.ส.ปารีณา ครอบครองเป็นจำนวนเท่าไร อีกทั้งให้สอบถามกำนันและผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ถึงการเข้ามาใช้ประโยชน์ที่ดินของครอบครัว น.ส.ปารีณา หากอยู่มาก่อนประกาศเขตปฏิรูปที่ดินถือว่าไม่ได้บุกรุกที่ ส.ป.ก. จากการให้ถ้อยคำของ น.ส.ปารีณา ต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของ ส.ป.ก. ระบุว่าครอบครัว น.ส.ปารีณา เข้ามาอยู่ขณะที่ยังเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและเสียภาษี ภ.บ.ท.5 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องตรวจสอบด้วยว่าใช้สิทธิอะไรในการเข้ามาอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ โดยประเด็นที่ต้องตรวจสอบคือ เรื่องคุณสมบัติครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. ลักษณะการใช้ประโยชน์ที่ดินว่าเป็นการเกษตรหรือไม่

ส่วนสาเหตุที่เมื่อวานนี้ (13 พ.ย.) ร.อ.ธรรมนัส เร่งสรุปว่า น.ส.ปารีณา อยู่ในพื้นที่นี้มาก่อนประกาศเขต ส.ป.ก. จึงถือว่าไม่ได้บุกรุกและไม่มีความผิดนั้น ไม่ได้เป็นการปกป้อง แต่เป็นเพราะ ร.อ.ธรรมนัส ยังไม่ได้หารือกับสำนักกฎหมาย ส.ป.ก. จึงยังไม่เข้าใจข้อกฎหมายของ ส.ป.ก. ว่าบุคคลที่เข้าครอบครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินจะต้องพิจารณาคุณสมบัติและวัตถุประสงค์การใช้ที่ดินเป็นสำคัญ ไม่ใช่พิจารณาเฉพาะห้วงเวลาที่เข้ามาอยู่อาศัยและใช้ประโยชน์ในที่ดินของ ส.ป.ก.

พ่อ “ปารีณา” ระบุซื้อที่ดินจากชาวบ้าน

สำหรับการตรวจสอบที่ดิน ขณะนี้ปฏิรูปที่ดินจังหวัดราชบุรีและเจ้าหน้าที่สำนักกฎหมายได้ไปตรวจแนวเขตที่ดินดังกล่าวแล้วพบว่า แปลงที่เป็นเขตปฏิรูปที่ดินไม่ได้ติดกัน แปลงแรกติดถนนเป็นที่ ส.ป.ก. ส่วนแปลงกลางเป็นที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส.3 และ ส.ค.1 แต่จะต้องตรวจสอบการได้มาของหนังสือรับรองสิทธิ์ดังกล่าวด้วย ส่วนแปลงท้ายเป็นที่ ส.ป.ก. ซึ่งกำชับให้ดำเนินการอย่างรอบคอบ

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า จากการพูดคุยกับนายทวี ไกรคุปต์ อดีตรัฐมนตรีและ ส.ส.ราชบุรี หลายสมัย บิดาของ น.ส.ปารีณา ระบุว่า ซื้อที่ดินต่อมาจากชาวบ้านหลายราย บางแปลงเป็นที่ ภ.บ.ท.5 บางแปลงมี น.ส.3 และ ส.ค.1 ซึ่งครอบครัว น.ส.ปารีณาทราบแล้วว่าที่ดินเคยเสียภาษี ภ.บ.ท.5 ปัจจุบันเป็นที่ ส.ป.ก.แล้ว ซึ่ง น.ส.ปารีณา ยินดีให้ตรวจสอบแนวเขต หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีการครอบครองเกิน 500 ไร่ จะใช้มาตรา 44 ยึดคืน แล้วนำมาจัดสรรให้เกษตรกรและผู้ยากไร้ตามโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐ (คทช.)

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ได้สั่งให้ตรวจสอบที่ดิน ส.ป.ก.ในเขต อ.สวนผึ้ง ซึ่งมีการร้องเรียนว่าครอบครองโดยนายทวี ไกรคุปต์ ก่อนหน้านี้เป็นอย่างไร ไม่ทราบ เพราะตอนนั้นยังไม่ได้เป็น รมช.เกษตรฯ หากพบว่า ส.ส.คนไหนมีที่ ส.ป.ก. ต้องตรวจสอบทุกแปลง รวมทั้งตรวจสอบคุณสมบัติผู้ครอบครองและวัตถุประสงค์การใช้ประโยชน์ที่ดินต้องถูกต้องตาม พ.ร.บ.ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมอย่างเป็นมาตรฐานเดียวกันหมด

นายชยาวุธ จันทร ผู้ว่าฯ ราชบุรี กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบที่ดินของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ ว่าได้มีการเชิญป่าไม้จังหวัด ปฏิรูปที่ดินจังหวัด และนายอำเภอจอมบึง มาซักถามข้อเท็จจริงเบื้องต้นจากที่ปรากฏเป็นข่าว ซึ่งได้ทราบว่าทางต้นสังกัดของหน่วยงานที่มีหน้าที่โดยตรงคือ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมและกรมป่าไม้ ได้มีข้อสั่งการให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ดำเนินการ และทางสำนักงานปฏิรูปที่ดินไปตรวจสอบในบางส่วน เกี่ยวกับเอกสารหลักฐาน ส่วนทางป่าไม้ทราบว่าได้ลงพื้นที่ไปแล้ว ส่วนทางฝ่ายปกครองในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัด และประธานกรรมการการปฏิรูปที่ดินจังหวัด รวมทั้งนายอำเภอจอมบึงในฐานะประธาน กปอ. หรือกรรมการปฏิรูปที่ดินระดับอำเภอก็เป็นเสมือนปลายทางในกระบวนการพิจารณาต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องที่ดินในเรื่องที่เกี่ยวข้อง เช่น อนุมัติ พิจารณา เพิกถอนให้ใช้สิทธิเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ คงต้องรอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบเพื่อความชัดเจนก่อน 

ส่วนชื่อกรรมสิทธิ์ของที่ดินว่าเป็นของใคร ยังอยู่ระหว่างกำลังตรวจสอบ คือ บริเวณตรงนี้เป็นพื้นที่ดั้งเดิมเป็นป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี บางส่วนเป็นพื้นที่เป็นป่าเสื่อมโทรมหมดสภาพเป็นป่า ทางกรมป่าไม้เองได้กันคืน ได้ส่งมอบให้กับปฏิรูปมีการประกาศปฏิรูปที่ดินทั้งอำเภอจอมบึง เดิมตั้งแต่ปี 2521 ได้มีพระราชกฤษฎีกาให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดินทั้งอำเภอ ต่อมาปี 2554 ได้มีแก้ไขเพิ่มเติมปฏิรูปที่ดินฉบับใหม่ แก้ไขการปรับปรุงแบ่งพื้นที่เป็นรายตำบล  เพราะว่าเดิมมีการประกาศคุมเขตปฏิรูปทั้งอำเภอ จะไปทำอย่างอื่นไม่ได้ ดังนั้นปี 2554 สำนักงานการปฏิรูป ส.ป.ก.ใหญ่ จึงตราพระราชกฤษฎีกาแก้ไขเพิ่มเติมมา เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต่อราษฎรที่พึงจะมีสิทธิกรรมสิทธิ์ในที่ดินต่างๆ จะได้ดำเนินการได้ โดยหลายพื้นที่ของราชบุรี มีทั้ง อ.จอมบึง อ.บ้านคา หลังจากมีการแก้ไขพระราชกฤษฎีกานี้แล้วใครที่มีเอกสาร หลักฐาน มีข้อเท็จจริงต่างๆ ที่เหมาะสม ก็ไม่ขอออกเอกสารสิทธิมาก็เยอะ แต่ถ้ามีการแก้ไขพระราชกฤษฎีกาแบ่งพื้นที่เป็นบางส่วน ส่วนไหนที่ไม่ได้เข้าเขตปฏิรูป ถ้ามีการเดินสำรวจออกโฉนดของกรมที่ดิน สามารถนำรังวัดได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องมี ส.ค.1 ใบจองอะไรเลย ขอให้พยานบุคคลข้างเคียงชี้แนวเขต ผู้ปกครองท้องที่ยืนยัน ก็จะได้รับเอกสารสิทธิโฉนดที่ดินไปได้เลย ซึ่งมีอยู่ในหลายพื้นที่ที่มีลักษณะแบบนี้ ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาในการตรวจสอบพอสมควร คงต้องให้เวลาแก่เจ้าหน้าที่ดำเนินการ โดยคงต้องรอสำนักงาน ส.ป.ก.จังหวัด ตรวจสอบหลักฐานอีกครั้ง  

ส่วน ภ.บ.ท. เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการเสียภาษีบำรุงท้องที่ ถ้าใครเข้าไปทำกินใช้ประโยชน์ในที่ดินจะมีหน้าที่ที่จะต้องชำระภาษีบำรุงท้องที่ ทางชาวบ้านจะเรียกภาษีดอกหญ้า  

ตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา กระทรวงมหาดไทยได้สั่งยกเลิกการเก็บภาษีบำรุงท้องที่ในที่ดินของรัฐ หรือที่ดินที่ไม่มีหลักฐานเอกสารสิทธิ หลังจากปี 2557 จะไม่มีการออกใบ ภ.บ.ท.5 หรือเก็บภาษีบำรุงท้องที่ในที่ที่ไม่ใช่โฉนด หรือ น.ส.3  น.ส.3 ก แต่ปัจจุบันกฎหมายภาษีโรงเรือน ภาษีบำรุงท้องที่มีการเปลี่ยนแปลงใหม่ เลยเรียกว่ากฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จะเริ่มใช้บังคับตั้งแต่ 1 มกราคม พ.ศ.2563 ต่อไปหลักการใหม่คือจะเก็บภาษีหมด คือ หากใครทำประโยชน์ในที่ดินทำกินต่างๆ . – สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณอีสาน-ตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณ จ.จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดจันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาว เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง […]

“ภูมิธรรม” นำจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” และภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 เวลา 20.05 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางอภิญญา เวชยชัย ภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกาและคู่สมรส ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีและคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง เมื่อรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และภริยา ถึงบริเวณพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกา […]

จากแม่ถึงลูกทหารบาดเจ็บ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

ขอนแก่น 12 ส.ค. – ครอบครัวตระกูลบุญธรรมในอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ที่ลูกชายทหารเกณฑ์บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา แม้สื่อสารกันน้อย แต่ความรักของแม่ลูก ไม่ได้ลดน้อยลง และพร้อมสนับสนุนลูกชายสู่เส้นทางทหารอาชีพตามความตั้งใจ หลังไปเป็นรั้วของชาติ แล้วเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]