กรุงเทพฯ 14 พ.ย.- จำคุก “ไอ้โก้”ตลอดชีวิต แต่สารภาพ ลดโทษ ให้ คงจำคุก 37 ปี 4เดือน ในคดี ใช้ไม้เบสบอลตีไฮโซเชอรี่ แฟนสาว ดับคาห้องพัก ย่านลาดพร้าว ก่อยหนีกบดานประเทศเพื่อนบ้าน
ศาลอาญา นัดฟังคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายอัศยา ชัยภา หรือ โก้ อายุ 34 ปี ชาว จ.ชัยภูมิ เป็นจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่น , ทำให้เสียหายซึ่งเอกสารของผู้อื่น , ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อประโยชน์ในการเบิกถอนเงินสดหรือชำระสินค้า และลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยเมื่อเวลา 8.15 น. มีการเบิกตัวจำเลยจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เพื่อมาฟังคำพิพากษา
คดีนี้ อัยการโจทก์ ยื่นฟ้องคดีเมื่อวันที่ 22 พ.ย.61 ระบุพฤติการณ์ความผิดสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 26 – 27 ก.ค.61 เวลากลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยใช้ไม้เบสบอลเหล็กขนาดยาว 70 ซม. เป็นอาวุธตีที่ศีรษะ ใบหน้า ลำตัว และสะบักขวา ของ น.ส.ธิติมา หรือไฮโซเชอรี่ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์ อายุ 39 ปี นักธุรกิจสาวด้านอสังหาริมทรัพย์ แฟนสาวที่อวัยวะสำคัญ หลายครั้ง ทำให้ น.ส.ธิติมา มีบาดแผลที่ศีรษะ ใบหน้า กราม สะบักขวา กะโหลกศีรษะแตก เลือดคั่งในสมอง กระดูกซี่โครงด้านขวาหักจน ถึงแก่ความตาย เหตุเกิดในห้องพักโรงแรมแห่งหนึ่งย่าน ซ.ประดิษฐ์มนูธรรม19 แขวง-เขตลาดพร้าว
หลังก่อเหตุจำเลยยังได้ลักทรัพย์ผู้ตาย เป็นรถยนต์เบนซ์ , โทรศัพท์มือถือ , เครื่องประดับ กระเป๋าแบรนด์เนมมูลค่า 1,080,000 บาท รวมทั้งเอกสารบัตรเดรบิต ธ.ออมสินฯ ของผู้ตายไปใช้ประโยชน์ในการเบิกถอนเงินหรือชำระสินค้าบริการอื่น ก่อนหลบหนีไปประเทศกัมพูชา เมื่อถูกจับ จำเลยได้ให้การรับสารภาพ อ้างโมโหโดนด่าพ่อแม่ กดดัน จึงก่อเหตุดังกล่าว ยืนยันไม่เกี่ยวเรื่องเงิน
ศาลพิเคราะห์จากพยานหลักฐาน จึงพิพากษาให้จำคุกจำเลยตลอดชีวิตฐานฆ่าผู้อื่น ส่วนความผิดฐานลักทรัพย์ในเวลากลางคืน พิพากษาจำคุก 3 ปี, ความผิดฐานใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อใช้ประโยชน์ในการเบิกถอนเงินสด หรือชำระสินค้า พิพากษาจำคุก 3 ปี แต่เนื่องจากจำเลยให้การรับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐาน และให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 โดยฐานฆ่าผู้อื่นคงจำคุก 33 ปี 4 เดือน ฐานลักทรัพย์ในเวลากลางคืน คงจำคุก 2 ปี และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นฯ คงจำคุก 2 ปี ทำให้จำเลยต้องโทษจำคุก 37 ปี 4 เดือน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้น จำเลยได้ก้มลงกราบขอขมาบิดาของผู้เสียชีวิต ซึ่งหลังจากก้มลงกราบเสร็จ บิดาของผู้เสียชีวิตมีอาการและสีหน้าเรียบเฉย.
ด้าน นายอำนวย วิชัยโชติ บิดา ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า พอใจคำตัดสินระดับหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามจะยื่นอุทธรณ์ให้มีการลงโทษจำเลยหนักกว่านี้ ที่ผ่านมาก็พยายามทำใจและยอมรับกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็ยังเสียใจ และทำใจไม่ได้ ที่ได้สูญเสียลูกสาวเพียงคนเดียวไป มองว่าจำเลยทำเกินกว่าเหตุ และการที่จำเลยมาขอโทษในวันนี้ ก็ไม่ให้อภัยเพราะอยากให้ลงโทษจำเลยถึงจำคุกตลอดชีวิต.-สำนักข่าวไทย